กลุ่มฮามาสแพร่คลิปใหม่ ยืนยันว่าตัวประกันชาวอิสราเอลกับชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ญาติเรียกร้องให้อิสราเอลรีบทำข้อตกลงปล่อยตัวประกัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มติดอาวุธ ฮามาส ของปาเลสไตน์ เผยแพร่คลิปวิดีโอใหม่ แสดงให้เห็นตัวประกันอีก 2 คน ได้แก่นาย ออมรี มีราน ชาวอิสราเอล กับนาย คีธ ซีเกล ชาวอเมริกันเชื้อสายอิสราเอล เมื่อวันเสาร์ที่ 27 เม.ย. 2567 นับเป็นหลักฐานชิ้นแรกที่ยืนยันว่า ทั้งคู่ยังมีชีวิตอยู่ หลังถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ 7 ต.ค.ปีก่อน

ในคลิปวิดีโอ ซึ่งเชื่อว่าถ่ายทำภายในการควบคุมอย่างเข้มงวดของกลุ่มฮามาส นายมีรานกล่าวว่า เขาถูกจับตัวเอาไว้นานถึง 202 วันแล้ว ขณะที่นายซีเกนพูดถึงวันหยุด เทศกาลปัสกา (Passover) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าคลิปนี้เพิ่งถ่ายเมื่อไม่นานมานี้

อนึ่ง นายซีเกล ถูกลักพาตัวไปพร้อมกับภรรยาชื่อว่า อาวิวา แต่เธอได้รับการปล่อยตัวในเดือนพฤศจิกายน ภายใต้ข้อตกลงซึ่งฮามาสจะยอมปล่อยตัวประกันหญิงและเด็กทุกคน แลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์และการหยุดยิงของฝ่ายอิสราเอล

หลังคลิปดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกมา ครอบครัวของตัวประกันทั้งสองคนก็ออกมาประกาศว่า พวกเขาจะสู้ต่อไปเพื่อให้ทั้งคู่ได้กลับบ้าน และเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอลทำข้อตกลงปล่อยตัวประกันกับกลุ่มฮามาสโดยเร็ว

นางอาวิวา ภรรยาของนายซีเกลกล่าวในวิดีโอแถลงการณ์ว่า เธอกับครอบครัวจะต่อสู้ต่อไปจนกว่าเขาจะได้กลับบ้าน ขณะที่ อีลาน ลูกสาวของนายซีเกล กล่าวว่า การได้เห็นพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เราต้องบรรลุข้อตกลงโดยเร็วที่สุดเพื่อพาทุกคนกลับบ้าน

ส่วนลูกสาวอีกคนชื่อ เชียร์ ระบุว่า จากคลิปวิดีโอ พ่อของเธอรู้ว่าพวกเราทุกคนออกไปเดินขบวนทุกๆ สัปดาห์ และกำลังต่อสู้เพื่อเขาและตัวประกันคนอื่นๆ

...

ด้านนาย ดานี มีราน พ่อของนายมีราน ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อหน้าฝูงชนที่ออกมาชุมนุมประท้วงในนครเทลอาวิฟ เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยเขาบรรยายถึงความตื่นเต้นที่ได้เห็นวิดีโอภาพลูกชายของเขา และได้รู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่

เขายังเรียกร้องโดยตรงไปยังรัฐบาล และระบุชื่อสมาชิกฝ่ายขวาจัดเช่นนาย อิตามาร์ เกวียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ และนายเบซาเลล สโมตริช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าให้รีบบรรลุข้อตกลงปล่อยตัวประกัน และขอให้นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ยอมอนุมัติข้อตกลงด้วย

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc