โจ ไบเดน ลงนามบังคับใช้กฎหมายแพ็กเกจความช่วยเหลือต่างชาติก้อนใหม่ รวมถึงของยูเครนแล้ว พร้อมประกาศว่า สหรัฐฯ จะส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ยูเครนทันที

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ลงนามบังคับใช้กฎหมายแพ็กเกจความช่วยเหลือต่างประเทศ มูลค่า 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการช่วยเหลือทางทหารสำหรับ ยูเครน, อิสราเอล และไต้หวัน แล้ว ในวันพุธที่ 24 เม.ย. 2567

ไบเดน กล่าวหลังลงนามว่า แพ็กเกจช่วยเหลือเหล่านี้ จะทำให้ทั้งอเมริกาและโลกปลอดภัยขึ้น และว่า สหรัฐฯ จะส่งอาวุธและยุทโธปกรณ์ลอตใหม่ให้ยูเครนในทันที เพื่อช่วยพวกเขาต่อต้านการรุกรานของรัสเซีย

ทั้งนี้ กฎหมายแพ็กเกจช่วยเหลือดังกล่าว ประกอบด้วยความช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่แก่ยูเครน มูลค่า 6.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ, แพ็กเกจช่วยเหลืออิสราเอล มูลค่า 2.64 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และความช่วยเหลือมูลค่า 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่ดินแดนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะไต้หวัน

กฎหมายฉบับนี้ถูกยื้อมานานกว่า 6 เดือน เนื่องจากรัฐบาลเดโมแครตกับฝ่าย สส.รีพับลิกัน ซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถตกลงเงื่อนไขระหว่างกันได้ จนกระทั่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (20 เม.ย.) สภาพผู้แทนฯ ก็ยอมผ่านร่างกฎหมาย ตามด้วยวุฒิสภาในช่วงค่ำวันอังคาร

นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ ฝ่ายเดโมแครต กล่าวว่า “หลังจากความพยายามอย่างหนักและความเปลี่ยนแปลงกับทางโค้งมากมายบนเส้นทางที่ยาวนานกว่า 6 เดือน อเมริกาก็ได้ส่งข้อความถึงทั้งโลกแล้วว่า เราจะไม่หันหลังให้กับคุณ”

ด้านประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกมาขอบคุณสหรัฐฯ และว่า การผ่านความช่วยเหลือก่อนใหม่ช่วยเสริมสร้างบทบาทของอเมริกาในฐานะ สัญลักษณ์ของประชาธิปไตยและผู้นำแห่งโลกเสรี

...

อนึ่ง คาดกันว่า ความช่วยเหลือทางทหารก้อนใหม่ของสหรัฐฯ จะช่วยเสริมกำลังให้แก่กองทัพยูเครนอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากพวกเขาประสบปัญหาขาดแคลนเครื่องกระสุน และระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา จนถูกรัสเซียรุกไล่โจมตีอย่างหนัก

เมื่อวันอังคาร เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนอย่าง คาร์คิฟ ก็ถูกระดมโจมตีด้วยโดรนและมิสไซล์ระลอกล่าสุด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย โดยนายโอเลกซานเดอร์ พิฟเนนโก ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ชาติของยูเครน คาดว่า รัสเซียจะยกทัพบุกเมืองคาร์คิฟ ซึ่งอยู่ใกล้กับชายแดนรัสเซียในอนาคตอันใกล้นี้

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc