บิชอปโบสถ์ศาสนจักรอัสซีเรีย ซึ่งถูกแทงระหว่างประกอบพิธีที่โบสถ์ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย กล่าวว่าเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และได้ให้อภัยผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นวัยรุ่นอายุ 16 ปีแล้ว

บิชอปโบสถ์ศาสนจักรอัสซีเรีย ซึ่งถูกแทงระหว่างประกอบพิธีที่โบสถ์ในนครซิดนีย์ของออสเตรเลีย กล่าวว่า เขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเขาได้ให้อภัยผู้ก่อเหตุแล้ว ในขณะที่ตำรวจเร่งสอบสวนเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุแทงบิชอปรายนี้

เหตุโจมตีด้วยอาวุธมีด ที่เกิดขึ้นในนครซิดนีย์ถึง 2 ครั้ง ภายใน 3 วัน ที่ศูนย์การค้าใกล้ชายหาดบอนได ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไป 6 ศพ เมื่อวันเสาร์ (13 เม.ย.) และที่โบสถ์อัสซีเรีย ไครสต์ เดอะ กู๊ด เชพเพิร์ด ทางตะวันตกของนครซิดนีย์ เมื่อวันจันทร์ (15 เม.ย.) ได้สร้างความตกตะลึงอย่างมากให้แก่ประชาชนในนครซิดนีย์

บิชอปมาร์ มารี เอ็มมานูเอล กล่าวในข้อความเสียงที่โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า "เรายังสบายดี และฟื้นตัวได้เร็วมาก ไม่จำเป็นต้องกังวล" ซึ่งถือเป็นการแสดงความเห็นต่อสาธารณะครั้งแรกนับตั้งแต่การโจมตี "เราให้อภัยใครก็ตามที่ทำสิ่งนี้ เราจะอธิษฐานให้คุณเสมอและใครก็ตามที่ส่งคุณมาทำเช่นนี้ เราก็ให้อภัยพวกเขาเช่นกัน"

บิชอป เอ็มมานูเอล ซึ่งมีเยาวชนนิยมติดตามในติ๊กต่อก และมักวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมรักร่วมเพศ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด และศาสนาอิสลาม ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตี ซึ่งตำรวจออสเตรเลียระบุว่าเป็นพฤติกรรมก่อการร้าย ที่คาดว่ามีสาเหตุมาจากลัทธิหัวรุนแรงทางศาสนา โดยวัยรุ่นชายวัย 16 ปีคนหนึ่งถูกจับกุม และอยู่ในโรงพยาบาลภายใต้การดูแลของตำรวจ

หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ฝูงชนที่โกรธแค้นได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินด้านนอกโบสถ์ โดยเรียกร้องให้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยมาให้พวกเขา คาเรน เวบบ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า ชายวัย 19 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกของโบสถ์แห่งนี้ ถูกตั้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อจลาจล เจ้าหน้าที่สืบสวนได้รับมอบหมายให้สอบสวนเหตุจลาจลดังกล่าว ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บประมาณ 50 นาย และรถตำรวจเสียหาย 20 คัน

...

ส่วนศูนย์การค้าเวสต์ฟิลด์ บอนได จังค์ชัน ได้เปิดอีกครั้งในวันนี้ (18 เม.ย.) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมแสดงความอาลัยต่อเหยื่อ โดยร้านค้าต่างๆ ยังคงปิดให้บริการ และมีการจัดวางดอกไม้สีขาวสำหรับไว้อาลัยบนชั้นสองของศูนย์ฯ คาดว่าร้านค้าหลายแห่งจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันศุกร์.

ที่มา Reuters

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign