รัฐดูไบยังคงอยู่ในภาวะปั่นป่วน หลังเผชิญฝนตกหนักที่สุดในรอบ 75 ปี จนทำให้การจราจรเป็นอัมพาต บริการของสนามบินและเที่ยวบินต่างๆ ติดขัด และอาจกระทบยาวไปจนถึงวันพฤหัสบดี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยเฉพาะในรัฐดูไบ ยังคงปั่นป่วนอย่างต่อเนื่องในวันพุธที่ 17 เม.ย. 2567 หลังจากเผชิญฝนตกหนักที่สุดในรอบกว่า 75 ปี บางพื้นที่รับน้ำฝนมากกว่า 250 มม. ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หรือสูงกว่าค่าเฉลี่ยน้ำฝนตลอดปีเกินเท่าตัว

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท่วมท้องถนน ต้นปาล์มหักโค่น อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย โดย ยูเออี ไม่เคยเจอฝนรุนแรงขนาดนี้นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติในปี 2472 ทำให้น้ำท่วมอย่างรวดเร็วจนผู้ใช้รถใช้ถนนบางคนตัดสินใจสละยานพาหนะของตัวเอง เพื่อหนีจากถนนที่มีสภาพกลายเป็นเหมือนแม่น้ำ

สถานการณ์ในวันพุธ พายุฝนเคลื่อนตัวไปทางตะวันออก ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางใต้ของอิหร่านและปากีสถาน ในพื้นที่ซึ่งแทบไม่มีฝนตกตลอดปี โดยเมืองชาบาฮาร์ ทางใต้สุดของอิหร่าน มีฝนตกวัดปริมาณน้ำได้ถึง 130 มม.

...

ขณะที่ผู้คนที่พยายามเดินทางเข้าสู่ใจกลางนครดูไบในวันพุธ กลับต้องติดค้างอยู่บนถนนหลวง เนื่องจากน้ำท่วมสูง คนขับแท็กซี่หลายคนปฏิเสธที่จะไปส่งผู้โดยสารในพื้นที่น้ำท่วม ทำให้นักเดินทางต้องเดินข้ามถนนผ่านแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เพื่อหาทางเลือกอื่นในการเดินทาง

ส่วนที่ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ รับน้ำฝนมากกว่า 100 มม. ภายในเวลาเพียง 12 ชั่วโมงเท่านั้น ในวันอังคารที่ผ่านมา ทำให้ต้องหยุดรับเที่ยวบินขาเข้านานหลายชั่วโมง เพราะน้ำท่วมสูง

การหยุดชะงักยังดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงวันพุธ แม้ว่าพายุจะผ่านพ้นไปแล้ว เนื่องจากถนนมุ่งหน้าสู่สนามบินยังคงถูกปิดกั้นเพราะน้ำท่วมขัง สายการบินมากมาย รวมถึงสายการบินแห่งชาติอย่าง ‘เอมิเรตส์’ ต้องเผชิญกับความล่าช้าในการให้บริการ ส่วนสายการบินต้นทุนต่ำ ‘ฟลายดูไบ’ ยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมดจนถึง 10.00 น. วันพุธ

ในช่วงเช้าวันพุธ ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ออกคำแนะนำใหม่ถึงผู้โดยสาร ว่าอย่ามาสนามบินหากไม่จำเป็นจริงๆ เพราะเที่ยวบินจำนวนมากยังคงประสบปัญหาดีเลย์ และบางเที่ยวต้องเปลี่ยนเส้นทาง

ขณะที่สายการบิน เอมิเรตส์ ระงับการเช็กอินผู้โดยสารขาออกจากดูไบทั้งหมด ตั้งแต่เวลา 08.00 น. วันพุธ ยาวไปจนถึงเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี เนื่องจากสภาพถนนและอากาศเลวร้าย ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน

ทั้งนี้ ประเทศแถบตะวันออกกล่างเริ่มเผชิญฝนตกหนักในลักษณะนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลจากภาวะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงด้วยแรงผลักดันจากฝีมือมนุษย์ โดยชั้นบรรยากาศที่อบอุ่นขึ้นสามารถซึมซับความชื้นได้มากกว่าเดิม เหมือนกับผ้าขนหนู ก่อนจะปล่อยมันออกมาในรูปแบบของฝนตกหนัก

เงื่อนไขทางสภาพอากาศดังกล่าวยังมาพร้อมกับ ระบบพายุที่ใหญ่กว่า ซึ่งเดินทางมาจากคาบสมุทรอาราเบีย และกำลังเดินทางข้ามอ่าวโอมาน โดยพายุลูกเดียวกันนี้กำลังทำให้เกิดฝนตกหนักผิดปกติในประเทศโอมานและทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่าน โดยในโอมานพบผู้เสียชีวิตแล้ว 18 ศพ

เจ้าหน้าที่ของศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของยูเออี ออกมายืนยันด้วยว่า เหตุฝนตกหนักครั้งนี้ไม่ได้เกิดจาก ‘การเพาะเมฆ’ (cloud seeding) ตามกระแสข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnn