ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ให้คำมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ท่ามกลางภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากจีน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ให้คำมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือด้านกลาโหมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ท่ามกลางภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากจีน ความร่วมมือที่นายไบเดนและนายฟูมิโอะ คิชิดะ ประกาศระหว่างการเยือนกรุงวอชิงตัน ดีซี นั้น ยังรวมถึงการขยายเครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศที่มีออสเตรเลียรวมอยู่ด้วย
ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาววานนี้ (10 เม.ย. 67) ว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือเป็น "การยกระดับความเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของทั้งสองประเทศ ตลอดระยะเวลาของการพูดคุยประมาณ 2 ชั่วโมง ผู้นำทั้งสองมุ่งเน้นไปที่ประเด็นด้านกลาโหมในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นในยูเครนและฉนวนกาซา
นายคิชิดะกล่าวว่า เกาหลีเหนือ ไต้หวัน และจีนเป็นประเด็นสำคัญในการหารือครั้งนี้ โดยเรียกร้องให้ธำรงรักษา "ระเบียบระหว่างประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม" เขายังกล่าวว่า "ความพยายามฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่ด้วยการใช้กำลังหรือการบีบบังคับนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใดก็ตาม" และเสริมว่า "การรุกรานยูเครนของรัสเซียนั้น ยูเครนในวันนี้อาจเป็นเอเชียตะวันออกในวันพรุ่งนี้"
ส่วนหนึ่งของข้อตกลง นายไบเดนกล่าวว่า กองทัพสหรัฐฯ จะสร้างโครงสร้างการบังคับบัญชาร่วมกับกองทัพญี่ปุ่น ทั้งสองจะพัฒนาเครือข่ายป้องกันทางอากาศและขีปนาวุธร่วมกันในภูมิภาคร่วมกับออสเตรเลีย รวมถึงการเข้าร่วมในการซ้อมรบแบบสามทาง ร่วมกับกองกำลังสหราชอาณาจักร
นายคิชิดะยอมรับว่า แม้ว่าสหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะยังคงตอบสนองต่อความท้าทายจากจีนต่อไป แต่ทั้งสองประเทศยังยืนยันถึงความสำคัญของการเจรจากับจีนต่อไป และร่วมมือกับจีนในเรื่องความท้าทายร่วมกัน"
...
ในประเด็นด้านอวกาศ ญี่ปุ่นจะจัดหาและดำเนินการรถสำรวจบนดวงจันทร์ ในขณะที่สหรัฐฯ จะอนุญาตให้นักบินอวกาศชาวญี่ปุ่น 2 คนเข้าร่วมในภารกิจอาร์ทิมิสขององค์การนาซา ซึ่งทำให้นักบินอวกาศชาวญี่ปุ่นกลายเป็นนักบินอวกาศคนแรกที่ไม่ใช่ชาวอเมริกันที่เดินทางไปยังดวงจันทร์
ผู้นำทั้งสองยังได้กล่าวถึงความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบริษัท นิปปอน สตีล ของญี่ปุ่น ในการซื้อบริษัท ยูเอส สตีล ของสหรัฐฯ ในราคาประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.49 แสนล้านบาท) โดยนายคิชิดะกล่าวว่าญี่ปุ่นหวังว่าข้อตกลงดังกล่าวจะออกมาในทิศทางที่จะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
ส่วนในงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ทั้งนายไบเดนและนายคิชิดะ ต่างแสดงความยินดีกับความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น โดยนายคิชิดะกล่าวถึงคำพูดของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ที่ว่ามหาสมุทรแปซิฟิกทำให้ทั้งสองประเทศ "รวมเป็นหนึ่งเดียว" และกล่าวว่า "ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่ที่จุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ กำลังเริ่มต้นขอบเขตใหม่" ก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงภาพยนตร์สตาร์ เทรค และบอกแขกในงานว่า "จงเดินทางอย่างกล้าหาญ" ในที่ที่ไม่มีใครเคยไปมาก่อน
นอกจากสมาชิกสภานิติบัญญัติและเจ้าหน้าที่จากทั้งสองประเทศแล้ว รายชื่อแขกในงานเลี้ยงอาหารค่ำยังรวมถึงโรเบิร์ต เดอ นีโร นักแสดงชื่อดัง, ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล, บิล และนางฮิลลารี คลินตัน และเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งแอมะซอน
นอกจากนั้น ในวันนี้ (11 เม.ย.) นายคิชิดะ ยังจะกล่าวปราศรัยต่อสภาคองเกรส และจะเข้าร่วมการประชุมกับนายไบเดนและประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่จีน.
ที่มา BBC
ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign