ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์แถลง กำลังเร่งดำเนินการเคลียร์ซากสะพาน และเรือ ออกจากจุดเกิดเหตุ แต่การดำเนินการไม่ง่าย และกำลังขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันวางแผนในปฏิบัติการครั้งนี้
นายเวส มัวร์ ผู้ว่าการรัฐแมรีแลนด์ของสหรัฐฯ แถลงถึงแผนเบื้องต้นที่จะเคลื่อนย้ายซากความเสียหายของสะพาน ฟรานซิส สก็อตต์ คีย์ รวมทั้งเคลื่อนย้ายเรือที่ถูกชิ้นส่วนของสะพานถล่มทับออกจากพื้นที่ด้วย แต่การปฏิบัติการดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากแม่น้ำในบริเวณดังกล่าวมีความลึก และมีสีเข้มจนนักประดาน้ำเองสามารถมองเห็นในระยะไม่เกิน 1-2 ฟุต ท่ามกลางเศษวัสดุจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ตัวซึ่งต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก อีกทั้งวัสดุของสะพานก็มีน้ำหนักมาก ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการเคลื่อนย้าย ตัวเรือบรรทุกสินค้าก็มีความยาวเทียบเท่ากับหอไอเฟล จึงคาดว่าจะต้องใช้เวลายาวนานในการดำเนินการทั้งการเก็บกู้ซากความเสียหายและการดำเนินการสร้างสะพานขึ้นมาใหม่
นายมัวร์ยังเปรียบเทียบว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่แตกต่างจากเหตุเรือบรรทุกสินค้าที่ติดอยู่บริเวณคลองสุเอซเมื่อปี 2021 อย่างมาก เพราะตอนนี้ชิ้นส่วนของสะพานน้ำหนักราว 3,000-4,000 ตันตกลงมาคาอยู่บนเรือ ซึ่งต้องรอเครนขนาด 1,000 ตัน ซึ่งเป็นเครนที่ใหญ่ที่สุดในชายฝั่งทะเลตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมาถึงในวันศุกร์นี้ตามเวลาในท้องถิ่น มาช่วยในการลำเลียงเอาซากของสะพานออกจากแม่น้ำ โดยจะมีการนำเครนขนาด 400 ตัน อีกอันเข้ามาช่วยสมทบในปฏิบัติการครั้งนี้ในวันเสาร์
...
ในระหว่างที่รอเครนมาถึง ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งหาทางว่าจะทำอย่างไร จึงจะสามารถตัดชิ้นส่วนของสะพานออกเป็นชิ้นย่อยๆ เพื่อให้เครนสามารถยกออกไปได้ง่าย โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่มีการติดตั้งบูมกักเก็บน้ำความยาว 24,000 ฟุต เพื่อป้องกันวัตถุอันตรายจากเรือเอาไว้แล้ว เนื่องจากตู้คอนเทนเนอร์บนเรือดาลีมีการบรรทุกสารเคมีอันตรายอยู่ด้วยอย่างน้อย 56 ตู้
โดยล่าสุด รัฐบาลกลางของนายไบเดน ได้อนุมัติงบประมาณฉุกเฉินจำนวน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯตามที่รัฐแมรีแลนด์ร้องขอแล้ว ขณะที่หน่วยงานวิศวกรของกองทัพสหรัฐฯ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเคลียร์พื้นที่ในการเดินเรือ โดยมีเจ้าหน้าที่ 32 นาย และมีผู้รับเหมากองทัพเรืออีก 38 คนอยู่ในพื้นที่เวลานี้ เพื่อหวังให้สามารถกลับมาเปิดท่าเรือบัลติมอร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด.
ที่มา : BBC
คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ สะพานถล่ม