ในหลายประเทศมีบำนาญให้ประชาชนที่เกษียณแล้วทุกคน มากน้อยแล้วแต่ระยะเวลาที่ทำงานและจ่ายภาษีให้รัฐบาล บางประเทศมีเงินสวัสดิการให้ครอบครัวที่เพิ่งอพยพ เรื่องเงินบำนาญและสวัสดิการทำให้ญาติจำนวนหนึ่งในบางประเทศไม่แจ้งทางราชการเมื่อมีผู้เสียชีวิต เพราะถ้ายังไม่ตาย ก็ยังมีเงินส่งมาให้ใช้ทุกเดือน พวกญาติหรือลูกหลานก็ใช้กันสบายไป
นาจาห์ อัล-ชามมารี เคยเป็นนายทหารยศพลตรีในรัฐบาลซัดดัม ฮุสเซน หลังจากหมดยุคของซัดดัม ฮุสเซนแล้ว ค.ศ.2011 อัล-ชามมารีย้ายไปอยู่สวีเดน และได้รับสัญชาติสวีเดนเมื่อ ค.ศ.2015 รัฐบาลสวีเดนก็จัดการให้สวัสดิการทั้งเรื่องที่พัก ค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเงินช่วยเหลือเด็กแก่ครอบครัวอัล-ชามมารี
อัล-ชามมารีผู้ถือ 2 สัญชาติ (สวีเดนกับอิรัก) เดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างสวีเดนและอิรัก ต่อมารัฐบาลสวีเดนตรวจสอบในวิกิพีเดียพบว่าพลเมืองของตนคนหนึ่งคืออัล-ชามมารี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิรักตั้งแต่ ค.ศ.2019
แม้ตัวและครอบครัวจะอยู่อิรัก แต่นายอัล-ชามมารี ก็ยังรับเงินสวัสดิการช่วยเหลือเด็กและค่าที่อยู่อาศัย (ค่าเช่าบ้าน) จากรัฐบาลสวีเดน เพราะไม่ได้อยู่ในสวีเดนจริง ไม่ได้เช่าบ้านจริง เด็กๆก็อยู่ในอิรัก ครอบครัวของอัล-ชามมารีจึงทำผิดกฎหมายของสวีเดน
การเมืองในตะวันออกกลางเล่นกันแรง รัฐสภาอิรักอนุมัติให้อัล-ชามมารีดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเมื่อ 24 มิถุนายน 2019 พวกนักการเมืองฝ่ายค้านอิรักก็เล่นเรื่องนี้ทันที สื่อ National News ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับรายงานเมื่อ 27 พฤศจิกายน 2019 ก็ลุยเรื่องนี้มาตลอด รัฐมนตรีอัล-ชามมารีออกมาปฏิเสธ เป็นเรื่องที่โง่เบาปัญญามากที่อัล-ชามมารีออกมาโต้ตอบว่านี่เป็นการป้ายสีทางการเมือง เพราะสมัยนี้มีการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ ว่ารัฐบาลสวีเดนส่งเงินสวัสดิการให้เมื่อใดและเป็นจำนวนเท่าใด
...
เรื่องที่อัล-ชามมารีถือ 2 สัญชาตินี่ก็เป็นประเด็นทางการเมืองในอิรัก เมื่อโดนนักการเมืองฝ่ายค้านโจมตี อดีตรัฐมนตรีกลาโหมก็ให้แนวร่วมอัล-วาตานิยา ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองใหญ่ในอิรักออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง แต่รัฐบาลสวีเดนตามเรื่องนี้เพราะถือว่าเป็นการก่ออาชญากรรม
18 มีนาคม 2024 อัล-ชามมารีบินไปสวีเดน พอถึงท่าอากาศยานนานาชาติก็โดนตำรวจรวบตัวทันที อัยการเปิดเผยว่ารัฐบาลสวีเดนเตรียมจับอัล-ชามมารีมานานเกือบปีครึ่งแล้ว อยู่ดีๆ อัล-ชามมารี ก็วิ่งเข้ามาอยู่ในกับดักเอง เรื่องของอัล-ชามมารีเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้อพยพที่ได้สัญชาติใหม่และรับสวัสดิการจากรัฐบาลของประเทศใหม่ ว่าอย่าทำอะไรซี้ซั้ว ถ้าย้อนหลังกลับไปในสมัยก่อน 30-40 ปี ยังพอทำอย่างนี้ได้เพราะไม่มีการตรวจสอบทางไซเบอร์ ทว่าสมัยนี้ไม่ใช่แล้ว
การอพยพจากตะวันออกกลางไปยังแคนาดา ยุโรป และ สแกนดิเนเวียทำได้ง่ายและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครอบครัวผมเคยช่วยลูกสาวของพันเอกชาวอิรักผู้หนึ่งให้ได้ทุนมาเรียนปริญญาตรี สถาปัตยกรรมศาสตร์ที่ประเทศไทย เรียนจบก็ไม่กลับไปอิรัก เครือข่ายของคนอิรักด้วยกันช่วยให้ได้บินไปอยู่เนเธอร์แลนด์ ไม่กี่ปีก็ได้สัญชาติ
พ่อผมเคยรับเลขานุการเป็นชายชาวซีเรียมาอยู่ในประเทศไทย ทำงานได้ไม่ถึง 3 ปีก็ลาออกไปอยู่แคนาดา กลายเป็นคนสัญชาติแคนาดา ส่วนพี่ชายอดีตเลขาฯคนนี้ไปอยู่อังกฤษแล้วก็ได้สัญชาติอังกฤษ คนเหล่านี้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีการศึกษาดี หลายประเทศจึงต้องการทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพเข้าไปเติมเป็นพลเมืองของตนเอง
ผู้อพยพจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเข้าไปเป็นผู้ลี้ภัยสวีเดนหลายแสนคน ผู้อพยพเหล่านี้มาจากหลายประเทศ มากสุดคือซีเรีย รองลงไปก็อิรัก ส่วนพวกที่มาเป็นจำนวนหลักครึ่งแสนก็มีอิหร่าน โซมาเลีย อัฟกานิสถาน ฯลฯ ผมเคยไปสแกนดิเนเวียหลายครั้ง คนขับรถแท็กซี่มาจากซีเรีย อิรัก และประเทศอื่นๆ จากตะวันออกกลางแทบทั้งหมด ต่อไปในอนาคต ฐานใหญ่ของพวกอาหรับก็คงจะอยู่ที่สแกนดิเนเวีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่สวีเดน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม