เจ้าชายแฮร์รี่แพ้คดี ที่ทรงยื่นคัดค้านกรณีถูกลดระดับการอารักขา หลังถอนตัวจากการเป็นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง โดยศาลระบุว่าไม่พบความไม่เป็นธรรมใดๆ ในการตัดสินใจดังกล่าว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศาลสูงสหราชอาณาจักรมีคำตัดสินในวันพุธที่ 28 ก.พ. 2567 ให้เจ้าชายแฮร์รี่แพ้คดีที่ทรงยื่นคัดค้าน การตัดสินใจลดระดับการรักษาความปลอดของพระองค์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากพระองค์ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นสมาชิกชั้นสูงของราชวงศ์ และยุติการปฏิบัติพระกรณียกิจของราชวงศ์ในปี 2563

การลดระดับการรักษาความปลอดภัยของเจ้าชายแฮร์รี่เป็นการตัดสินใจของ คณะกรรมการบริหารเพื่อการปกป้องสมาชิกราชวงศ์และบุคคลสำคัญ (RAVEC) ซึ่งมีสมาชิกประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย, ตำรวจกรุงลอนดอน และสำนักพระราชวัง

เจ้าชายแฮร์รี่ ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อโต้แย้งว่า พระองค์ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ในการลดระดับความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากพระองค์ยังคงเผชิญภัยคุกคามอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการคุกคามจากปาปารัซซี่ในหลายเหตุการณ์ เช่น ดักรอที่งานประกาศรางวัลในกรุงลอนดอนปี 2564 และขับรถไล่ตามในนิวยอร์กเมื่อ พ.ค. 2566

อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาศาลสูงระบุว่า ไม่มีการทำผิดกฎหมาย หรืออะไรก็ตามที่อาจเรียกได้ว่าไม่มีเหตุผล ในการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระดับการรักษาความปลอดภัยของเจ้าชายแฮร์รี่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หรือต่อให้มีความไม่เป็นธรรมใดๆ ในกระบวนการ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่ออกมา

ด้านทนายความของเจ้าชายแฮร์รี่ระบุว่า ลูกความของเขาจะยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสิน และย้ำว่า ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ไม่ได้เรียกร้องการปฏิบัติเป็นพิเศษ แต่ต้องการโต้แย้งว่ามีความไม่เป็นธรรมในการตัดสินใจเกี่ยวกับความคุ้มครองของพระองค์เท่านั้น

...

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าชายแฮร์รี่ยุติการปฏิบัติพระกรณียกิจของราชวงศ์ และย้ายไปอยู่ในสหรัฐฯ พระองค์ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองจากตำรวจโดยอัตโนมัติ ในระดับเดียวกับสมาชิกราชวงศ์อีกต่อไป แต่เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเรื่องการรักษาความปลอดภัยของเจ้าชายแฮร์รี่เป็นกรณีไป แบบเดียวกับบุคคลสำคัญคนอื่นๆ ที่มาเยือนสหราชอาณาจักร

เมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ศาลสูงกรุงลอนดอน ปฏิเสธคำร้องของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ต้องการใช้เงินส่วนพระองค์จ้างให้หน่วยงานตำรวจจัดกำลังเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพระองค์ตอนอยู่ในสหราชอาณาจักร โดย RAVEC ระบุว่า เป็นการไม่เหมาะสมหากจะรับเงินจากบุคคลร่ำรวยที่อาจจะ "ซื้อ" การรักษาความปลอดภัยจากตำรวจ

RAVEC บอกอีกว่า การรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่ได้เป็นประโยชน์ของสาธารณะ ในแง่ของการใช้เงินทุนที่มาจากภาษีของประชาชน.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc