อินโดนีเซียออกมาตรการจูงใจทางภาษี หวังส่งเสริมยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทั้งที่ผลิตเองในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ และกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าในอินโดนีเซีย

อินโดนีเซียออกมาตรการทางภาษีเพื่อกระตุ้นยอดขายของรถพลังงานไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ที่ผลิตในประเทศรวมทั้งนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อหวังกระตุ้นการใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับการกระตุ้นการลงทุนในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

โดยมาตรการทางภาษีที่จะมีผลบังคับใช้ คือการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสินค้าหรูสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ในปีงบการเงิน 2567 รวมถึงภาษีนำเข้าจนถึงสิ้นปี 2568 ซึ่งจะส่งผลให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าถูกลง

ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียจะลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 11% เหลือแค่ 1% สำหรับผู้ซื้อรถไฟฟ้าภายในปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายเวลาลดหย่อนภาษีที่หมดอายุไปในช่วงสิ้นปี 2566 ที่ผ่านมา

โดยมาตรการจูงใจดังกล่าว มีขึ้นเพื่อกระตุ้นอุปสงค์สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV ภายในประเทศ ขณะเดียวกันก็ดึงดูดการลงทุนจากกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์

นายรัชมัต ไกมุดดิน รัฐมนตรีช่วยประสานงานด้านการพัฒนาภาคส่วนรถ EV ของอินโดนีเซียระบุว่า ผู้ผลิตรถ EV จำนวนมาก ทยอยเปิดเผยแผนในการเปิดตัวยานพาหนะในอินโดนีเซีย นับตั้งแต่รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศแผนออกมาตรการจูงใจเมื่อเดือนที่แล้ว อย่างบริษัทบีวายดี (BYD) ของจีนซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ที่มียอดขายสูงสุดของโลก ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ล้วนจำนวน 3 รุ่นที่ตั้งเป้าจะวางจำหน่ายในอินโดนีเซียแล้ว

โดยรัฐบาลอินโดนีเซียหวังว่า ความพยายามนี้จะทำให้มีตัวเลือกรถไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าเข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนทั่วไป โดยตั้งเป้าที่จะมีรถไฟฟ้าใช้ในประเทศราว 600,000 คัน ภายในปี 2030 ซึ่งนับว่าเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 100 เท่าตัว จากช่วงครึ่งแรกของปี 2023 พร้อมวาดฝันที่จะเป็นแหล่งฮับผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอีกด้วย.

...

ที่มา : รอยเตอร์

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ รถยนต์ไฟฟ้า