เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นบนเครื่องบินโดยสารของลุฟต์ฮันซา เมื่อผู้โดยสารชายรายหนึ่ง เกิดอาการป่วยอาเจียนเป็นเลือดออกมาจำนวนมาก ก่อนจะเสียชีวิตต่อหน้าภรรยาและผู้โดยสารอีกหลายสิบคน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้โดยสารหลายคนของเที่ยวบิน LH773 สายการบินลุฟต์ฮันซา โพสต์ข้อความบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ บอกเล่าประสบการณ์ที่เหมือนฝันร้าย ซึ่งเกิดขึ้นบนเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปยังนครมิวนิก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา
พวกเขาเล่าว่านักบินของลุฟต์ฮันซาอนุญาตให้ผู้โดยสารที่มีอาการป่วยคนหนึ่งโดยสารไปกับเที่ยวบิน LH773 ได้ แม้ว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ จะแจ้งลูกเรือก่อนที่เครื่องจะออกเดินทางแล้วว่า เขาดูป่วยหนักมาก และสุดท้ายนักบินก็ต้องประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วบินกลับไปลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังผู้โดยสารอาเจียนเป็นเลือดและเสียชีวิต
ชายชาวเยอรมันวัย 63 ปีรายนี้ เดินทางมากับภรรยาชาวฟิลิปปินส์ เขาดูมีอาการป่วย หายใจเร็ว และเหงื่อโทรมกาย ตอนที่ขึ้นมาบนเครื่อง โดยเขาเล่าว่าเขาเกิดอาการแบบนี้เพราะต้องวิ่งมาขึ้นเครื่องให้ทัน
ลูกเรือแจ้งเรื่องอาการของผู้โดยสารรายนี้ให้กัปตันทราบก่อนที่เครื่องจะเทคออฟ โดยกัปตันประกาศหาผู้โดยสารที่เป็นแพทย์บนเครื่องบิน และพบแพทย์ชาวโปแลนด์วัย 30 ปี ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย โดยหมอรายนี้ตรวจชีพจรของชายชาวเยอรมันและให้ไฟเขียว อนุญาตให้เขาเดินทางไปกับเที่ยวบินที่มีระยะเวลาเดินทางถึง 12 ชั่วโมง 20 นาทีลำนี้ได้
เที่ยวบิน LH773 จึงออกเดินทางไปสู่จุดหมาย แต่เมื่อเครื่องอยู่บนฟ้า อาการของผู้โดยสารรายนี้ก็ทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว โดยอาเจียนเป็นเลือดออกทางปากและจมูกจำนวนมาก จนเปรอะเปื้อนพื้น, หน้าต่าง และผนังเครื่องบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินพยายามเข้าช่วยเหลือและปั๊มหัวใจช่วยชีวิต
...
อย่างไรก็ตาม นายมาร์ติน มิสส์เฟลเดอร์ ผู้โดยสารชาวสวิตเซอร์แลนด์ บอกกับ Blick สื่อสวิสว่า พนักงานดูเหมือนไม่มีความชำนาญมากพอ
30 นาทีต่อมา พนักงานก็ยุติการช่วยชีวิตและนำศพของชายชาวเยอรมันไปยังห้องครัว แล้วกางม่านสีดำปิดเอาไว้ จากนั้นนักบินก็ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วนำเครื่องแอร์บัส A380 ลำนี้ บินกลับไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากออกเดินทางมาได้ราว 90 นาที
เที่ยวบิน LH773 ลงจอดได้อย่างปลอดภัย แต่ผู้โดยสารอ้างว่า พวกเขาต้องรออีก 2 ชั่วโมง กว่าเจ้าหน้าที่ของลุฟต์ฮันซาจะปรากฏตัวเพื่อให้ความช่วยเหลือ จากนั้นพวกเขาจึงได้รับอนุญาตให้ลงจากเครื่อง และได้รับคูปองอาหารมูลค่า 10 ดอลลาร์ ผู้โดยสารบางคนได้รับการจองตั๋วเครื่องบินใหม่ไปฮ่องกง เพื่อเดินทางต่อกับเครื่องบินลุฟต์ฮันซาอีกลำ
นายมิสส์เฟลเดอร์บอกอีกว่า ไม่มีพนักงานของสายการบินหรือสนามบินเข้าไปช่วยปลอบประโลมหรือดูแลภรรยาของผู้เสียชีวิตที่กำลังโศกเศร้าเลย เธอต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบคนเข้าเมืองและศุลกากรด้วยตัวเอง “เธอยืนอยู่ตรงนั้นตัวคนเดียวและอยู่ในอาการเฉื่อยชา และต้องทนกับขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมด”
มิสส์เฟลเดอร์กล่าวอีกว่า เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ที่ ผู้โดยสารที่กำลังหวาดกลัวกว่า 30 คนถูกทิ้งให้รอคอยโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร และเขาหวังจะลุฟต์ฮันซาจะมีคำขอโทษให้กับพวกเขาและภรรยาของผู้ตาย
หลังเกิดเหตุโฆษกของลุฟท์ฮันซายืนยันกับ MailOnline ว่า เกิดภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์กับผู้โดยสารเที่ยวบิน LH773 จากกรุงเทพฯ ไปนครมิวนิก เมื่อ 8 ก.พ. 2567 จริง และถึงแม้ว่าพนักงานกับแพทย์บนเครื่องจะใช้มาตรการปฐมพยาบาลอย่างครอบคลุมและทันที ผู้โดยสารที่ล้มป่วยก็เสียชีวิต
หลังจากเดินทางได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง ลูกเรือก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ และลงจอดได้อย่างปลอดภัย ตามด้วยการให้เจ้าหน้าที่บริการการแพทย์ฉุกเฉินทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ของไทยเข้ามาดูแล ผู้โดยสารบนเที่ยวบินนี้ได้รับการจองตั๋วใหม่ไปกับเที่ยวบินทางเลือกอื่นๆ เนื่องจากเที่ยวบิน LH773 ถูกยกเลิก
โฆษกของลุฟต์ฮันซายังกล่าวแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต กับผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่ต้องประสบกับความไม่สะดวก และระบุว่า พวกเขาไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มากกว่านี้ ด้วยเหตุผลด้านความเป็นส่วนตัว
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : dailymail
...