ศาลฮ่องกงมีคำสั่งให้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ที่มีหนี้สินเกือบ 11.7 ล้านล้านบาท จำหน่ายทรัพย์สินและเลิกกิจการ

ศาลฮ่องกงมีคำสั่งให้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน ทำการขายสินทรัพย์และปิดกิจการ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินของจีน

ผู้พิพากษา ลินดา ชาน ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นของศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ขายสินทรัพย์ หลังมีหนี้สินรวมกว่า 3.28 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11.7 ล้านล้านบาท) หลังจากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถเสนอแผนการปรับโครงสร้างที่เป็นรูปธรรมได้นานกว่า 2 ปี หลังจากการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรและหลังการพิจารณาคดีของศาลหลายครั้ง

นายซุย ชอว์น ผู้บริหารระดับสูงของเอเวอร์แกรนด์ กล่าวกับสื่อจีนว่า บริษัทยังรับประกันว่าโครงการก่อสร้างบ้านจะยังคงถูกส่งมอบให้แก่ลูกค้า แม้จะมีคำสั่งปิดกิจการก็ตาม คำสั่งดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัททั้งในและต่างประเทศ

การประกาศของศาล ส่งผลให้หุ้นของเอเวอร์แกรนด์มีการซื้อขายลดลงถึง 20% ตลาดหุ้นฮ่องกงยังส่งระงับการซื้อขายหุ้นของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ และบริษัทในเครือ ได้แก่ ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ นิว เอเนอร์ยี เวฮิเคิล กรุ๊ป และ เอเวอร์แกรนด์ พรอพเพอร์ตี้ เซอร์วิสเซส

เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งมีสินทรัพย์ 2.4 แสนล้านดอลลาร์ ได้สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ให้แก่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนจากการผิดนัดชำระหนี้ในปี 2564 ในขณะที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งที่มียอดขายบ้านรวมกันในสัดส่วน 40% ของยอดขายบ้านทั้งหมดในจีน ได้เผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเอกชน ขณะที่จีนกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 9 ปี รวมถึงตลาดหุ้นที่เข้าสู่ภาวะตกต่ำใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี

...

เอเวอร์แกรนด์ยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาของศาลออกไปอีกครั้ง เนื่องจากทนายความกล่าวว่ามี "ความคืบหน้าเล็กน้อย" ในข้อเสนอการปรับโครงสร้างใหม่ ที่เสนอให้เจ้าหนี้แลกเปลี่ยนหนี้เป็นหุ้นทั้งหมดที่บริษัทถืออยู่ในสองบริษัทในฮ่องกง เมื่อเทียบกับสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ 30% ในบริษัทลูกก่อนการพิจารณาคดีครั้งล่าสุดในเดือนธันวาคม

ทนายความของเอเวอร์แกรนด์แย้งว่า คำสั่งขายสินทรัพย์และปิดกิจการอาจส่งผลเสียต่อการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงการจัดการทรัพย์สินและหน่วยยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อความสามารถของกลุ่มในการชำระคืนเจ้าหนี้ทั้งหมด

ทั้งนี้ คาดว่าคำตัดสินดังกล่าวจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการดำเนินงานของบริษัท รวมถึงโครงการก่อสร้างบ้านในระยะเวลาอันใกล้นี้ เนื่องจากอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี กว่าที่ผู้ชำระบัญชีที่ได้รับการแต่งตั้งจากเจ้าหนี้จะเข้าควบคุมบริษัทย่อยทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งเป็นเขตอำนาจศาลที่แตกต่างจากฮ่องกง.

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign