เมื่อวันที่ 5 ม.ค. สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดรับสัปดาห์แรกของปีใหม่ หลังกองทัพเกาหลีเหนือเปิดฉากระดมยิงปืนใหญ่กว่า 200 นัด ในพื้นที่ทะเลรอบๆเกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้ในทะเลเหลืองทางภาคตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลี โดยเป็นการระดมยิงตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00-11.00 น. แต่กระสุนไม่ได้ตกลงในอาณาเขตทะเลหรือเกาะของเกาหลีใต้ ตกลงเพียงแค่ในเขตกันชนของสองเกาหลี

ทั้งนี้ กองบัญชาการเสนาธิการกองทัพเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตหรือทรัพย์สินของพลเรือน หรือสร้างความเสียหายแก่กองทัพเกาหลีใต้ แต่ส่งผลให้สันติภาพตกอยู่ในภัยคุกคามและถือเป็นการเพิ่มความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี โดยเพื่อความปลอดภัย ทางการจึงสั่งอพยพประชาชนในเกาะยอนเปียงให้เสาะหาที่หลบภัย ก่อนที่กองทัพเกาหลีใต้จะซ้อมยิงปืนใหญ่กระสุนจริงตอบโต้

การยิงข่มขู่ของเกาหลีเหนือมีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่กองทัพเกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่หลายสิบนัดถล่มเกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้ในทะเลเหลือง และส่งผลให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 2 ศพ และนาวิกโยธินเกาหลีใต้เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บอีก 18 คน โดยการยิงครั้งนี้ยังมีขึ้นหลังจากรัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศยกระดับการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ เพื่อเตรียมพร้อมทำสงครามที่อาจปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อในคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่เกาะยอนเปียงดังกล่าวมีประชากรประมาณ 2,000 คน และฐานทัพเกาหลีใต้ 1 แห่ง

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเกาหลีเหนือยังประกาศระงับ ความร่วมมือทางการทหารกับรัฐบาลเกาหลีใต้อย่างสิ้นเชิง ภายหลังจากรัฐบาลเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จในการปล่อยดาวเทียมสอดแนมขึ้นสู่วงโคจรเมื่อเดือน พ.ย. 2566 ตามด้วยการประกาศยกเลิก “มาตรการยับยั้งความขัดแย้ง” ทั้งทางบก เรือ อากาศ ซึ่งหมายถึงมาตรการสำหรับสกัดกั้นไม่ให้กองทัพผลีผลามจนนำไปสู่สงคราม พร้อมทั้งเสริมกำลังหน่วยรบหัวกะทิ หรือหน่วยรบที่มีอาวุธทรงอานุภาพเข้าประจำการตามพรมแดนเกาหลีเหนือ-ใต้

...

ขณะเดียวกัน หน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ยังประเมินเป็นครั้งแรกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ ด.ญ.คิม จู เเอ ลูกสาวของนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ที่ปรากฏภาพเข้าร่วมชมการทดสอบอาวุธยุทโธปกรณ์เคียงคู่บิดาอย่างต่อเนื่องในระยะหลัง คือทายาทอำนาจของนายคิม จอง อึน แต่ทั้งนี้ทางหน่วยข่าวกรองก็ยังพิจารณาความเป็นไปได้อื่นๆอีก.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่