มีแนวโน้มมากขึ้นว่าประเทศเยเมนในภูมิภาคตะวันออกกลางกำลังจะตกเป็นเป้าการโจมตีของชาติตะวันตก หลังสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอล-ฉนวนกาซาได้ทำให้กลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมนร่วมผสมโรงยิงจรวดโจมตีและส่งนักรบบุกยึดเรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลตามเส้นทางเข้าออกทะเลแดง และต่อมาสหรัฐฯและกลุ่มพันธมิตรชาติตะวันตกตัดสินใจป้องปรามด้วยการทยอยส่งกองเรือรบเข้าไปรายล้อมเยเมน ซึ่งรวมทั้งกองเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส ดไวท์ ดี. ไอเซนฮาวเออร์ และเรือสนับสนุนการยกพลขึ้นบกรุ่นต่างๆ

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ว่า พล.อ.ลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมสหรัฐฯ ได้ประกาศแผนปฏิบัติการ “ผู้พิทักษ์ความเจริญรุ่งเรือง” (Prosperity Guardian) ซึ่งมีชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เข้าร่วม 8 ประเทศ ประกอบด้วยสหรัฐฯ อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี นอร์เวย์ และสเปน โดยจะทำการลาดตระเวนในพื้นที่เปราะบาง เพื่อสกัดกั้นและตอบโต้การโจมตีใดๆ ของกองกำลังติดอาวุธกลุ่มฮูตี

ขณะที่นาย อับเดล มาเลค อัล-ฮูตี ผู้นำกลุ่มฮูตี ประกาศกร้าวผ่านการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ว่า หากสหรัฐฯเลือกที่จะโจมตีเยเมน เราก็จะโจมตีกองเรือและผลประโยชน์ของสหรัฐฯด้วยจรวด โดรน และปฏิบัติการทางทหารอื่นๆ สหรัฐฯควรคิดให้ดีหากจะส่งทหารเข้าเยเมน เพราะจะเสียหายหนักยิ่งกว่าสมรภูมิอัฟกานิสถานหรือเวียดนาม.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่