IQ ย่อมาจาก Intelligent Quotient เป็นคำที่บัญญัติขึ้นเพื่อบ่งถึงระดับเชาวน์ปัญญาของแต่ละบุคคล ไอคิวหรือความสามารถทางเชาวน์ปัญญาเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกเกิด โดยมีปัจจัยทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนั้น สภาพแวดล้อมตั้งแต่ในครรภ์ของมารดาจนกระทั่งหลังคลอดก็เป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งซึ่งมีผลต่อเชาวน์ปัญญาด้วยเช่นกัน

ค่าไอคิวของคนปกติคือ 90-109 ที่ต่ำกว่าปกติเล็กน้อยคือ 80-89 คนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาจะมีไอคิวอยู่ราว 70-79 ส่วนพวกที่มีไอคิวสูงกว่าปกติ หรือค่อนข้างฉลาดมีไอคิวอยู่ที่ 110-119 พวกที่ฉลาดมากมีไอคิวตั้งแต่ 130 ขึ้นไป

มีการทำนายทายทักว่า ในอนาคตอันใกล้ เอไอหรือปัญญาประดิษฐ์อาจจะมีความฉลาดเท่ากับมนุษย์ที่มีไอคิว 2,000 เนื่องจากสามารถนำข้อมูลจากทั้งโลกมาประมวลผลได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที มนุษย์คนหนึ่งไม่สามารถจะรู้ภาษาทุกภาษาได้ แต่ปัญญาประดิษฐ์สามารถทำได้

เดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา นักศึกษาวัย 21 ปี ใช้เอไอค้นพบ คำแรกบนม้วนกระดาษโบราณโดยไม่ต้องเปิดอ่าน เป็นม้วนกระดาษและเอกสารหลายร้อยฉบับที่เขียนบนกระดาษปาปิรุสซึ่งถูกกลบฝังจนกลายเป็นคาร์บอน ตลอดเวลาเกือบ 2,000 ปีที่ผ่านมา ม้วนกระดาษโบราณเหล่านี้ถูกฝังกลบลึกลงไปใต้โคลนและเถ้าภูเขาไฟถึง 20 เมตร

หลายคนกลัวเอไอเข้ามาแย่งอาชีพมนุษย์ แต่บิล เกตส์ มองว่าเอไอเป็นตัวช่วยมนุษย์ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เกตส์ไปร่วมสนทนาในรายการพอดแคสต์ชื่อ “What Now?” กับเทรเวอร์ โนอาห์ บิล เกตส์บอกว่า มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักมากอีกต่อไป ในอนาคตเอไอจะมาทำหน้าที่ทำอาหาร และหน้าที่อื่นๆ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องทำงานถึงสัปดาห์ละ 5 วัน

เกตส์เป็นผู้นำโปรแกรมเวิร์ดโปรเซสเซอร์ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์ชุดไมโครซอฟต์ออฟฟิศ เมื่อมนุษย์นำซอฟต์แวร์ของเกตส์เข้ามาใช้ในสำนักงานก็เกิดปฏิวัติการทำงาน คราวนี้ก็เหมือนกัน เกตส์บอกว่า เอไอจะทำให้รูปแบบการทำงานของมนุษย์เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

...

ไม่ใช่เฉพาะเกตส์เท่านั้น คนที่เคยมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงการทำงานของมนุษย์ก็ออกมาทำนายทายทักในลักษณะเดียวกัน เจมี ไดมอนด์ ซีอีโอของเจพีมอร์แกน บอกว่า “ลูกหลานของเราจะมีอายุถึง 100 ปีโดยไม่มีการป่วยเป็นโรคมะเร็งเพราะเทคโนโลยี พวกเขาไปทำงานเพียงสัปดาห์ละสามวันครึ่งเท่านั้น”

ส่วนอีลอน มัสก์ เจ้าของบริษัทเทสลา สเปซเอ็กซ์ เอ็กซ์ และบริษัทสตาร์ตอัพ xAI ออกมาประกาศเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอจะเป็นอาวุธที่มีพลังทำลายล้างมากที่สุดในประวัติศาสตร์ “เรากำลังจะมีสิ่งที่ฉลาดกว่ามนุษย์ ผู้ที่อัจฉริยะที่สุดในครั้งแรก ยากมากที่จะบอกว่าสถานการณ์แบบนั้นเป็นอย่างไร” อีกประโยคหนึ่งซึ่งมัสก์เคยออกมาเตือนเกี่ยวกับคุกคามของเอไอที่เกิดขึ้นกับมนุษยชาติคือ “เอไออาจจะอันตรายกว่าอาวุธนิวเคลียร์”

มัสก์และผู้นำทางเทคโนโลยีหลายคนออกมาเรียกร้องให้หยุดพัฒนาเอไอเพื่อไม่ให้มีความล้ำสมัยกว่าซอฟต์แวร์ ChatGPT-4 แต่ผู้นำเทคโนโลยีคนอื่นไม่เห็นด้วย และยังคงสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ต่อไป ส่วนการประชุมสุดยอดที่เบล็ตช์ลีย์ พาร์ค สหราชอาณาจักร ผู้นำโลกหลายคนเห็นด้วยกับความเสี่ยงของเอไอที่มีต่อมนุษยชาติ

ปัจจุบันเรายอมรับกันว่า มนุษย์ที่มีความฉลาดสูงสุดบนโลกใบนี้มีไอคิวอยู่ระหว่าง 200-300 ผู้นำทางเทคโนโลยีหลายคนออกมาบอกว่า เอไออาจจะมีความฉลาดเท่ากับมนุษย์ที่มีไอคิวเท่ากับ 2,000 การทำนายทายทักนี้ ทำให้เรานึกไม่ออกครับว่า โลกจะ เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปทางไหน ฟังอย่างนี้แล้วเหมือนกับเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่ความเพ้อฝันนี้เป็นจริงได้ในเวลาต่อมา เหมือนกับเมื่อ 50 ปีที่แล้ว โทรศัพท์มือถือเป็นเรื่องเพ้อฝัน หรือเมื่อ 200 ปีที่แล้ว โทรทัศน์เป็นเรื่องเพ้อฝัน ปัจจุบันทุกวันนี้ ความเพ้อฝันเหล่านั้นเป็นความจริงทั้งหมดแล้ว.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม