กลับจากร่วมประชุมเอเปกที่สหรัฐอเมริกานัยว่านายก รัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” จะมีความสุขกับความสำเร็จที่ได้โชว์ตัวกับบรรดาผู้นำประเทศต่างๆ

ยิ่ง “โจ ไบเดน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะให้ความสนิทสนมคล้ายกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กมิปานแล้ว “สี จิ้นผิง” ผู้นำจีนก็มีท่าทีไม่ต่างกัน

ว่าไปเมื่อผู้นำระดับอภิมหาอำนาจของโลกแสดงไมตรีอย่างนี้ ด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศเล็กๆอย่างไทย

แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องมองเช่นกันว่าไทยซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในทำเลทองของภูมิภาคนี้ ซึ่งรายล้อมไปด้วยชาติต่างๆในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ 2 ประเทศผู้ยิ่งใหญ่นี้

แตกต่างกันบางส่วนแนบแน่นกับจีนบางส่วนผูกพันกับสหรัฐฯ

แน่นอนว่าไทยซึ่งมีพื้นที่อยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสมอันไม่ต่างไปจากศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ซึ่งมีประชากรรวมกันแล้ว

กว่า 500 ล้านคน ใครๆก็อยากร่วมเป็นสหาย เพราะได้ประโยชน์แทบทุกด้านไม่ว่าจะเป็นการค้าการลงทุน

หรือในเชิงยุทธ์ก็สามารถสร้างอิทธิพลแข่งกันได้

การประชุมเอเปกครั้งนี้ถือว่าเป็นเวทีที่มีความสำคัญไม่น้อย เพราะมีประเทศสมาชิกมาชุมนุมกันมาก

“โจ ไบเดน” ผู้นำสหรัฐฯในฐานะเจ้าภาพ

“สี จิ้นผิง” ผู้นำจีนก็มาด้วย

แค่ 2 ผู้นำประเทศนี้มาเจอกันโลกก็สั่นไหวแล้ว!

ด้านหนึ่งทำให้โลกที่ร้อนระอุไปด้วยไฟสงครามและความขัดแย้งคงเย็นลงบ้าง ในท่ามกลางการชิงไหวชิงพริบของทั้ง 2 ฝ่าย

แม้ว่าไม่ใช่สงครามที่ปะหมัดกันด้วยอาวุธ แต่ก็เป็นสงครามที่ว่ากันด้วยการค้าและความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ต่อสู้กันอย่างแหลมคม

...

แต่บรรยากาศการพบกันระหว่าง 2 ผู้นำนั้นค่อนข้างดีแม้ผู้นำสหรัฐฯพยายามตีขรมด้วยการให้สัมภาษณ์สื่อเรียกผู้นำจีนว่า “เผด็จการ” แต่ดูเหมือนฝ่ายจีนจะไม่ตอบโต้หรือแสดงอาการใดๆ เพราะคงไม่อยากให้เสียบรรยากาศ เพราะต้องการให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์มากกว่าตึงเครียด

ไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรีของไทยจะมีมุมมองอย่างไร เพราะมุ่งมั่นด้านเศรษฐกิจการค้ามากกว่าประเด็นทางการเมือง

“โจ ไบเดน” นั้นแม้เคยพบกับผู้นำไทยในการประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์กก่อนหน้านี้ แต่คงไม่มีเวลาได้ทำความรู้จักกันมากนัก

การพบกันครั้งนี้จึงแสดงออกอย่างเต็มที่

เช่นกัน “สี จิ้นผิง” ที่น่าจะคุ้นเคยมากกว่า เพราะได้พบกันแล้วที่ประเทศจีนในการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง

ว่ากันโดยรวมทั้งสหรัฐฯและจีนต่างก็ต้องการสร้างสัมพันธ์อันดีกับไทย เพราะโดยพื้นฐานมีความผูกพันกันมาอย่างยาวนาน

ยิ่งสถานการณ์และความเป็นไปของโลกในปัจจุบัน

ไทยมีความหมายต่อ 2 ประเทศอย่างที่สุด เพราะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้

การรักษาระยะห่างจึงมีความสำคัญยิ่ง

ไม่แปลกที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯสนใจที่จะมาลงทุนในไทย ก็เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สหรัฐฯกำลังรุกคืบเข้ามาอีกครั้ง

ทุกอย่างต้องมองกันหลายมุม ไม่ใช่คิดอย่างโดดๆ แบบแยกส่วน!

“สายล่อฟ้า”

คลิกอ่านคอลัมน์ "กล้าได้กล้าเสีย" เพิ่มเติม