รัฐบาลญี่ปุ่นยังเดินหน้าผลักดัน “สตาร์ตอัพ” ในหลากมิติ หลังจากเมื่อปีที่แล้วได้เผยแผนงานระยะเวลา 5 ปี ให้คำมั่นสนับสนุนระบบนิเวศของสตาร์ตอัพให้เพิ่มการลงทุนต่อปีเป็น 10 เท่า หรือ 10 ล้านล้านเยน (ราว 2.3 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2570 ขณะเดียวกันยังส่งเสริมการเติบโตต่อยอดขยายธุรกิจไปยังต่างแดนอย่างมั่นคง
การดำเนินการเพียงลำพังอาจมีความรวดเร็วคล่องตัวตามสไตล์การบริหารของคนรุ่นใหม่ ทว่าการก้าวไปข้างหน้าให้ไกลถึงจุดหมาย จำเป็นต้องมี “พันธมิตร” เป็นเพื่อนคู่คิดเดินร่วมทางไปด้วยกัน
เช่นเดียวกับการจัดงาน “Rock Thailand Batch 5” เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของ ญี่ปุ่น (เจโทร) ร่วมกับ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาห กรรมของญี่ปุ่น (เมติ หรือ METI) และ ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดโอกาสให้สตาร์ตอัพชั้นแนวหน้าจากญี่ปุ่น 10 บริษัท มาร่วมพิช (Pitch) นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างเช่น นวัตกรรมลดคาร์บอน เทคโนโลยีการผลิต ปัญญาประดิษฐ์ ไบโอเทคโนโลยี ไปจนถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้กับทุกฟังก์ชันในการทำธุรกิจ (Digital Transformation) รวมทั้งแผนธุรกิจต่อพันธมิตรในประเทศไทย
นอกจาก “Rock Thailand Batch 5” ถูกจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “การร่วมสร้างสรรค์ (co-creation)” ระหว่างสตาร์ตอัพญี่ปุ่นและเครือบริษัทของไทยให้เติบโตก้าวหน้า ยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองและแสดงถึงความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งมิตรภาพและความร่วมมือระหว่างอาเซียนและญี่ปุ่นในปีนี้อีกด้วย
...
นายนิชิมูระ ยาสุโตชิ รมว.เศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กล่าวว่า Rock Thailand เป็นความริเริ่มบุกเบิกเพื่อสร้างนวัตกรรมมาตั้งแต่ปี 2562 และปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 ที่ได้ส่งเสริมพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสตาร์ตอัพญี่ปุ่นและเครือบริษัทของไทย ขณะที่นายคุโรดะ จุน ประธานเจโทร กรุงเทพฯ เผยถึงความยินดีที่จัดงานนี้เป็นครั้งที่ 5 ไทยมีความสำคัญเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมายาวนาน รวมทั้งมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทญี่ปุ่นในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย ทุกวันนี้มีบริษัทญี่ปุ่นดำเนินธุรกิจในไทย ประมาณ 6,000 บริษัท
นายคุโรดะยังทิ้งท้ายด้วยว่า เจโทรจะสนับสนุนสตาร์ตอัพญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง หวังเป็นส่วนสำคัญช่วยขับเคลื่อนเสริมศักยภาพการเติบโต ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน.
อมรดา พงศ์อุทัย
คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม