ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) พบเด็กแรกเกิดในสหรัฐฯ ติดเชื้อซิฟิลิสเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แนะคนที่ต้องการมีบุตรตรวจคัดกรองโรคก่อน เพื่อลดการแพร่เชื้อจากมารดาสู่ลูก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (CDC) เปิดเผยวานนี้ (7 พ.ย.2566) พบการติดเชื้อซิฟิลิสในกลุ่มเด็กแรกเกิดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2565 พบเด็กแรกเกิดในสหรัฐอเมริกา ติดเชื้อซิฟิลิส จำนวน 3,761 รายราย นับเป็นตัวเลขที่สูงสุดในรอบ 30 ปี และเพิ่มขึ้นจาก 334 ราย ในปี 2555 

นอกจากนั้น ในปี 2022 พบเด็กที่ติดเชื้อซิฟิลิสเสียชีวิตตอนคลอด 231 ราย และเสียชีวิตตอนเป็นเด็กทารก 51 ราย ในขณะเดียวกัน CDC สหรัฐฯ ยังแจ้งว่า หากมีการตรวจคัดกรองโรคก่อนการตั้งครรภ์ จะสามารถป้องกันทารก 9 ใน 10 คน ที่เกิดมาพร้อมกับโรคซิฟิลิสไม่ให้รับเชื้อได้ ด้วยเหตุนี้ ทาง CDC จึงแนะนำให้ตรวจคัดกรองซิฟิลิสก่อนจะตั้งครรภ์ เพื่อลดการแพร่เชื้อจากมารดาสู่บุตร

ลอร่า บาคมันน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ แผนกป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ของ CDC ในสหรัฐฯ กล่าวว่า ซิฟิลิสเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากพบการติดเชื้อเร็ว และได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ในส่วนของผู้ติดเชื้อที่กำลังตั้งครรภ์ การพบเชื้อเร็วจะสามารถลดเสี่ยงอาการไม่พึงประสงค์ในบุตรได้ 

ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ในปัจจุบันการรักษาซิฟิลิสในระหว่างตั้งครรภ์ มีวิธีการรักษาเพียงวิธีเดียว คือ การฉีดยา Benzathine penicillin G โดยต้องฉีดครั้งเดียว หรือ 3 โดส และเว้นระยะห่างกัน 7-9 วัน ขึ้นอยู่กับระยะของการติดเชื้อ

ทั้งนี้ ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และหากผู้ติดเชื้อกำลังตั้งครรภ์ ก็มีโอกาสที่จะเกิดการแท้งบุตร หรือทารกเสียชีวิตตั้งแต่กำเนิด หรือส่งแพร่เชื้อไปยังบุตรในระหว่างตั้งครรภ์.

...

ติดตามข่าวต่างประเทศได้ที่ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : Reuters