ระเบิดมือถูกใส่มาในกล่องของขวัญวันเกิดที่มอบให้แก่ผู้ช่วยคนสนิทของผู้นำกองทัพยูเครน ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เขาเสียชีวิต ลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานในวันอังคารที่ 7 พ.ย. 2566 ว่า พันตรี เฮนนาดีย์ แชสตียาคอฟ ผู้ช่วยคนสนิทของพลเอกวาเลรี ซาลุชนี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน เดินทางกลับถึงแฟลตที่พักของเขา พร้อมกับของขวัญวันเกิดที่เพื่อนร่วมงานมอบให้ แต่ในขณะที่เขากำลังเปิดกล่องพร้อมกับลูกชายวัย 13 ขวบ ก็เกิดการระเบิด

แรงระเบิดทำให้พันตรีแชสตาคอฟเสียชีวิต ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัส

นายไอฮอร์ คลีเมนโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยูเครน กับสำนักงานอัยการท้องถิ่นระบุว่า เด็กชายเจอระเบิดมือในกล่องของขวัญและหมุนวงแหวนสลักนิรภัย พอพันตรีแชสตียาคอฟเห็นก็พยายามดึงระเบิดไปจากมือลูก ทำให้สลักหลุดออก ส่งผลให้เกิดการระเบิด

นายคลีเมนโก กล่าวว่า นี่เป็นอุบัติเหตุที่น่าเศร้า พร้อมกับเรียกร้องให้สังคมอดทนรอผลการสืบสวนอย่างเป็นทางการก่อนจะด่วนสรุปใดๆ

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ตำรวจระบุว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่แฟลตในเมืองไชกี บริเวณชายขอบทางตะวันตกของกรุงเคียฟ โดยเป็นผลจากการจัดการกับอาวุธยุทธภัณฑ์โดยประมาท อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาจึงมีการเปิดเผยว่า พบระเบิดมืออีก 5 ลูกในแฟลตแห่งนี้ และนายคลีเมนโกก็ระบุว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นของขวัญจากเพื่อนร่วมงานในกองทัพ

จากนั้นตำรวจจึงคนไปตรวจค้นสำนักงานของเพื่อนร่วมงานคนดังกล่าว ซึ่งข่าวระบุว่าเป็นทหารยศพันเอก และพบระเบิดมือลักษณะคล้ายกันอีก 2 ลูก

หลังเกิดเหตุพลเอกซาลุชนี ก็ออกมากล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ พันตรี แชสตียาคอฟ โดยระบุว่า นี่เป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อกองทัพยูเครนและต่อตัวเขา เพราะชายคนนี้เป็นไหล่ที่พึ่งพิงได้มาตั้งแต่ สงครามกับรัสเซีย เริ่นต้นขึ้นเมื่อกุมภาพันธ์ 2565

...

ด้าน นางมารียานา เบซัลฮา สมาชิกสภายูเครน กล่าวว่า การเสียชีวิตของพันตรีแชสตียาคอฟเป็นผลมาจากการปล่อยปละละเลย “ฉันไม่คิดเลยว่าเฮนนาดีย์จะต้องมาตายเพราะความประมาทในวันเกิดของตัวเอง ระเบิดคือปัญหา อย่าให้เป็นของขวัญ”

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวในยูเครนหลายคนออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับเหตุระเบิดในครั้งนี้ โดยบางคนคาดเดาว่า นี่จะเป็นความพยายามโจมตีพลเอกซาลุชนีหรือไม่ โดยคนร้ายอาจคาดว่าเขาจะมาร่วมงานวันเกิดของผู้ชายรายนี้ แต่นี่เป็นเพียงสมมติฐาน ยังไม่มีการยืนยันใดๆ

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc