• พรรครีพับลิกันโหวตเลือกนาย ไมค์ จอห์นสัน เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนใหม่แล้ว หลังจากตำแหน่งว่างมาเกือบเดือน ทำให้สภาเป็นอัมพาต

  • อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเดโมแครตออกมาแสดงความกังวลว่า นายจอห์นสัน อาจกลายเป็นประธานสภาที่สุดโต่งที่สุด จากแนวคิดอนุรักษนิยมสุดขั้วของเขา

  • ในอดีต นายจอห์นสันเคยเป็นทนายความ และโฆษก ให้กับกลุ่มต่อต้าน LGBTQ นอกจากนั้นยังเคลื่อนไหวคัดค้านกฎหมายทำแท้ง และสนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย

ในที่สุด สส.พรรครีพับลิกัน ก็โหวตเลือกนายไมค์ จอห์นสัน เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนใหม่ได้สำเร็จ เมื่อวันพุธที่ 25 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 220 ต่อ 209 เสียง หลังสภาเป็นอัมพาตมานาน 22 วัน หลัง สส.รีพับลิกันหัวขบถยื่นญัตติถอดถอนนาย เควิน แมคคาร์ธี ออกจากตำแหน่ง

นายจอห์นสัน สส.รัฐลุยเซียนา ได้รับการเสนอชื่อเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังแคนดิเดต 3 คนก่อนหน้านี้ได้รับคะแนนโหวตไม่มากพอ แต่เขารวมคณะกรรมาธิการร่วมพรรครีพับลิกันซึ่งกำลังแตกแยกเป็นหนึ่งอีกครั้ง รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจาก สส.ฝ่ายขวาจัดซึ่งร่วมกับขับไล่นายแมคคาร์ธี รวมถึง สส.รีพับลิกันสายกลาง ผู้ต่อต้านนาย จิม จอร์แดน แคนดิเดตคนก่อนด้วย

แต่การขึ้นมาดำรงตำแหน่งของเขาใช้ว่าจะปราศจากคำครหา ฝ่ายเดโมแครตออกมาแสดงความกังวลว่า สส.ลุยเซียนา ผู้ที่แทบไม่มีใครรู้จักและประสบการณ์ค่อนข้างน้อยผู้นี้ อาจเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรที่สุดโต่งที่สุดในรอบหลายสิบปีของสหรัฐฯ จากแนวความคิดสุดขั้วหลายๆ อย่างของเขา

...

ต่อต้านการทำแท้ง-สิทธิ LGBTQ+

จุดยืนทางการเมืองของนายจอห์นสัน ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 51 ปีแล้ว มีที่มาจากความเชื่อทางศาสนาแบบอนุรักษนิยมสุดขั้ว ทำให้เขากลายเป็นนักสู้เพื่อปกป้องเสรีภาพทางศาสนาในโรงเรียน และต่อต้านเรื่องการทำแท้งและการสมรสของคนเพศเดียวกัน

ก่อนจะมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นายจอห์นสัน เคยเป็นทนายความและโฆษกของกลุ่ม ‘พันธมิตรปกป้องอิสรภาพ’ (Alliance Defending Freedom : ADF) องค์กรศาสนาซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มสร้างความเกลียดชัง และมีบทบาทสำคัญในคดีระหว่างบริษัท 303 ครีเอทีฟ จำกัดกับเอเลนิส ซึ่งถูกครหาว่าทำให้การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ สูงขึ้น และการกลับคำตัดสินคดีสุดโด่งดังอย่าง โรกับเวด เมื่อปีก่อน

ระหว่างเป็นทนายความให้กับกลุ่ม ADF จอห์นสันเขียนบทความต่อต้านเพศทางเลือกมากมาย รวมทั้งระบุว่า “นี่เป็นประเทศเสรี แต่เราไม่มอบการคุ้มครองพิเศษให้กับตัวเลือกแปลกๆ ของทุกคน” นอกจากนั้น เขายังต่อสู้ปกป้องกฎหมายห้ามสมรสระหว่างคนเพศเดียวกันของรัฐลุยเซียนาได้สำเร็จในปี 2547 แต่สุดท้ายกฎหมายฉบับนี้ก็ถูกยกเลิกไปใน 2558

หลังจากชนะเลือกตั้งได้เป็น สส.ตัวแทนเขตที่ 4 จากรัฐลุยเซียนา นายจอห์นสันก็มีสถิติโหวตคัดค้านกฎหมายอนุญาตทำแท้งถึง 100% นอกจากนั้นยังโหวตคัดค้านกฎหมายจัดระบบการสมรสของคนเพศเดียวกัน ที่เดโมแครตกับรีพับลิกัน ร่วมกันร่างขึ้น แต่กฎหมายฉบับนี้ได้คะแนนเสียงเพียงพอผ่านความเห็นชอบ และประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็ลงนามเป็นกฎหมายในปี 2565

นายจอห์นสันยังเป็นผู้ร่างกฎหมายสุดอื้อฉาวที่เรียกว่า ‘กฎหมายหยุดการเสริมสร้างลักษณะนิสัยทางเพศแก่เด็ก’ (Stop the Sexualization of Children Act) ในปี 2565 ซึ่งจะห้ามใช้งบประมาณกลางเพื่อพัฒนา, บังคับใช้, อำนวยความสะดวก หรือเป็นทุนให้แก่โครงการ, งานอีเวนต์ หรือสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี จนถูกโจมตีว่า นี่คือกฎหมาย ‘ห้ามพูดเรื่องเกย์’ ที่มีเป้าหมายเพื่อห้ามการพูดถึงกลุ่ม LGBTQ

พยายามล้มผลเลือกตั้งปี 2563

หลังการเลือกตั้งในปี 2563 ที่นายไบเดนได้รับชัยชนะ นายจอห์นสันออกมากล่าวสนับสนุนทฤษฎีสมคบคิดของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องเครื่องนับคะแนนเสียงเลือกตั้งถูกดัดแปลง และมีการโกงเป็นวงกว้าง ต่อมาเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรครีพับลิกัน 147 คนที่โหวตขัดขวางการรับรองผลเลือกตั้งของนายไบเดน และยังคงจุดยืนนี้ หลังจากเกิดการจลาจลที่อาคารรัฐสภาเมื่อ 6 ม.ค. 64 จนมีผู้เสียชีวิต 9 ศพ ถูกจับดำเนินคดีนับร้อยคน

นายจอห์นสันยังเป็นผู้เขียนคำแถลงของบุคคลภายนอก (amicus curiae) ยื่นต่อศาลสูงสุด เพื่อหาทางล้มผลการเลือกตั้งที่รัฐเพนซิลเวเนีย โดยเขาเกลี้ยกล่อมให้ สส.รีพับลิกันถึง 125 คนร่วมลงนามในคำแถลงฉบับนี้ได้สำเร็จ แต่ศาลสูงสุดไม่รับคดี

ก่อนการโหวตเลือกประธานสภาคนใหม่ในช่วงเช้าวันพุธที่ผ่านมา นายทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของพรรครีพับลิกัน ออกมากล่าวว่า ในทางเทคนิค เขาไม่ได้เห็นชอบในตัวนายจอห์นสัน แต่อยากให้เหล่า สส.โหวตให้

“ผมจะไม่ออกมาแสดงการอนุมัติใดๆ ในการลงมตินี้ เพราะผมไม่สามารถคัดค้านคนดีๆ และมีความสามารถสูงเหล่านี้ได้ เหล่าคนที่สนับสนุนผม ทั้งด้านจิตใจและจิตวิญญาณ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในปี 2559” อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความบนโลกออนไลน์

...

ไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน

นายจอห์นสันเคยพูดอย่างชัดเจนว่า เขามีข้อกังขาเรื่องภาวะโลกร้อน โดยในการหาเสียงเมื่อปี 2560 เขาบกกับผู้สนับสนุนของเขาในรัฐลุยเซียนา ซึ่งร่ำรวยด้วยน้ำมันดิบว่า “สภาพอากาศกำลังเปลี่ยนแปลง แต่คำถามคือ สาเหตุของมันเกิดจากวัฏจักรตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในประวัติศาสตร์โลก? หรือเป็นความเป็นแปลงที่เกิดขึ้นเพราะเราขับรถ SUV? ผมไม่เชื่อว่าเป็นข้อหลัง ผมไม่คิดว่านั้นเป็นแรงผลักดันหลัก”

ประธานสภาคนใหม่เป็นผู้ต่อต้านการผลักดันให้เกิด ‘Green New Deal’ อันเป็นข้อเสนอด้านนโยบายพร้อมงบประมาณในการแก้ปัญหาวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในระยะเวลา 10 ปี พร้อมๆ กับแก้ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ จนได้รับการขนานนามจากกลุ่ม ‘พันธมิตรพลังงานอเมริกัน’ (American Energy Alliance : AEA) ว่าเป็นนักต่อสู้ด้านพลังงาน

...

ประสบการณ์ทางการเมืองน้อย

นายจอห์นสันนับว่ามีประสบการณ์ในสภาผู้แทนราษฎรไม่ถึง 7 ปี ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประธานสภาคนก่อนๆ เช่น นายแมคคาร์ธีเป็น สส.มา 16 ปีแล้ว ก่อนได้รับเลือกเป็นประธาน นางแนนซี เพโลซี ก็มีประสบการณ์ถึง 20 ปี ขณะที่นายพอล ไรอัน กับ จอห์น โบห์เนอร์ ก็เป็น สส. 16 ปีกับ 20 ปีตามลำดับ ก่อนได้รับตำแหน่งประธานสภา

นายมิตต์ รอมนีย์ สว.คนสำคัญของพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า เขารู้จักนายจอห์นสันเพียงผิวเผินเท่านั้น แต่เป็นเรื่องน่าสนใจที่จะได้เห็นว่า สภาผู้แทนราษฎรจะดำเนินไปอย่างไร หากพวกเขาเลือกประธานสภาที่ไม่มีประสบการณ์เป็นผู้นำหรือประธานคณะกรรมาธิการมาก่อน การขาดประสบการณ์อาจเป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งก็ได้

อย่างไรก็ตาม สมาชิกพรรคเดโมแครตกับกลุ่มหัวก้าวหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายจอห์นสันอย่างหนัก

นายโทนี คาร์ค ผู้อำนวยการบริหารของ Accountable.US ซึ่งเป็นกลุ่มสังเกตการณ์และกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย เรียกนายจอห์นสันว่า “พวกขวาจัดหัวรุนแรง” ผู้กระเหี้ยนกระหือรือที่จะล้มล้างประชาธิปไตย และประวัติการลงคะแนนเสียงในสภาของเขา ก็ชี้ว่า นายจอห์นสันเป็นสมาชิกที่สุดโต่งที่สุดในคณะกรรมาธิการร่วมพรรครีพับลิกัน

“การมีจอห์นสันเป็นประธานสภา หมายความว่า สิ่งเดิมๆ จากยุค Maga ครองเสียงข้างมากจะกลับมาอีกครั้ง ทั้งความขัดแย้งกันเองทางการเมืองอย่างไร้ความหมาย, ทฤษฎีสมคบคิดอันตราย และในท้ายที่สุดจะนำไปสู่การบ่อนทำลายประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา”





ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : people , nbcnews , theguardian

...