ศุกร์ 20 ตุลาคม 2023 รัฐบาลสหรัฐฯรายงานการขาดดุลงบประมาณ ใน ค.ศ.2023  (สิ้นสุดเดือนกันยายน 2023) สูงถึง 1.695 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 61.63 ล้านล้านบาท เป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จากปี 2022 ที่ขาดดุลเพิ่มขึ้นเพราะนอกจากรายได้ จะลดลงแล้ว ทั้งรายจ่าย หนี้ และดอกเบี้ยกู้ยืมก็เพิ่มขึ้นด้วย

วันเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐฯรายงานการขาดดุลงบประมาณฯ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯก็ร้องขอให้รัฐสภาอนุมัติงบประมาณเร่งด่วนวงเงิน 1.06 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.86 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นงบประมาณด้านความมั่นคงและความช่วยเหลือต่างประเทศ

วงเงินเร่งด่วนที่ว่าแบ่งเป็น 5 ก้อน ก้อนแรกคือ 6.14 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.24 ล้านล้านบาท) คือเงินที่จะเอาไปช่วยอูเครนทำสงครามกับรัสเซีย ก้อนที่สอง 1.43 หมื่นล้านดอลลาร์ (5.2 แสนล้านบาท) เพื่อเอาไปช่วยอิสราเอลทำสงครามในตะวันออกกลาง ทั้งสองก้อนที่ว่าก็ปาเข้าไปมากถึงร้อยละ 71.42 ของงบประมาณเร่งด่วนทั้งหมด

ส่วนก้อนที่สาม 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ (5.1 แสนล้านบาท) จะใช้เฝ้าระวังชายแดนสหรัฐฯ ทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ตรวจตรา ตรวจจับเพื่อป้องกันผู้อพยพเข้าประเทศ เงินก้อนที่สี่ 9.15 พันล้านดอลลาร์ (3.33 แสนล้านบาท) เอาไว้ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในอูเครน อิสราเอล ฉนวนกาซา ฯลฯ และก้อนที่ห้า 7.4 พันล้านดอลลาร์ (2.7 แสนล้านบาท) จะนำไปใช้ในโครงการริเริ่มด้านความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเพื่อต่อต้านอิทธิพลจีน

ไบเดนพูดย้ำซ้ำๆ ว่า “ความเป็นผู้นำแบบอเมริกันคือสิ่งที่ยึดโยงโลกไว้ด้วยกัน” “ฮะมาสและปูตินเป็นตัวแทนของภัยคุกคามที่ต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ทั้งคู่ต้องการทำลายล้างระบอบประชาธิปไตยของเพื่อนบ้าน” แต่ละประโยคของผู้นำสหรัฐฯเหมือนจะป่าวประกาศว่าตัวเองคือศูนย์กลางจักรวาล ชี้ที่ใครว่าเลว โลกก็ต้องบอกว่าเลวตามไปด้วย

...

สหรัฐฯละเลงเงินเป็นว่าเล่น ทั้งที่เมื่อ 30 กันยายน 2023 วุฒิสภาสหรัฐฯเพิ่งจะผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ด้วยมติ 88 ต่อ 9 เสียง เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯรอดพ้นจากการถูกปิดการดำเนินงานหรือชัตดาวน์ นี่ก็จะทำให้รัฐบาลสหรัฐฯมีงบประมาณสำหรับบริหารกิจการของรัฐต่อไปอีก 45 วันคือถึง 17 พฤศจิกายน 2023

ก่อนหน้าที่ไบเดนจะร้องขอรัฐสภาให้ผ่านงบประมาณเร่งด่วนที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯให้สัมภาษณ์เมื่อ 16 ตุลาคม 2023 กับสำนักข่าวสกายนิวส์ของอังกฤษว่า สหรัฐฯจะสามารถมอบความช่วยเหลือทางทหารให้ได้ทั้งอิสราเอลและอูเครนเพื่อไปทำสงครามได้อย่างแน่นอน แถมยังย้ำว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังดำเนินไปได้อย่างดีมาก

ขณะที่ฝ่ายบริหารลอยหน้าลอยตา เป็นเศรษฐีผู้อารี แจกเงิน ประเทศโน้นชาตินี้เพื่อไปทำสงครามกับศัตรู สำนักงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐฯ เตือนว่า หากรายได้และการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯยังดำเนินไปตามกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายในปัจจุบัน อีก 7 ปีข้างหน้า หรือ ค.ศ.2030 การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯจะพุ่งสูง ถึง 2.13 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 77 ล้านล้านบาท ไม่ว่าจะดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพประชาชน และเงินบำนาญสูงขึ้นทุกวันๆ มีแว่วๆ มาแล้วว่าอีกไม่นานนี้ รัฐบาลไบเดนจะเสนอให้มีการปฏิรูประบบภาษี เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ จะมีการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เพื่อลดงบประมาณขาดดุล แล้วภาระจะไปตกที่ใครเล่าครับ ถ้าไม่ใช่ประชาชนคนอเมริกัน

ใครจะเชียร์ใครก็ตาม แต่งานนี้ผมไม่เห็นพวกผู้นำจะเดือดร้อน เห็นแต่ผู้อพยพหนีภัยสงคราม พวกที่ลำบากหาเช้ากินค่ำ ผู้คนไร้บ้านเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลของ Today’s Homeowner ทำให้ ทราบว่า ค.ศ.2023 ผู้คนบนโลกใบนี้ 8 พันล้าน มีมากถึง 1.6 พันล้านที่อาศัยอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะกับการเป็นที่พักอาศัย ในสหรัฐฯเองตอนนี้ก็มีคนไร้บ้านมากถึง 5.82 แสนคน ในจำนวนนี้ร้อยละ 60 พักอยู่ตามที่พักพิงฉุกเฉินหรือสถานที่รัฐจัดไว้ให้ แต่อีกร้อยละ 40 นอนข้างถนน โดยใช้ชีวิตทั้งคืนแบบไม่มีที่พักพิง

เพราะอยากคงสถานะของเจ้าโลกเอาไว้ รัฐบาลสหรัฐฯจึงใช้เงินแบบไม่แคร์ใครทั้งนั้น แม้แต่พลเมืองข้างถนนของตัวเอง.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม