เมื่อ 20 ต.ค.กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงมาตรการส่งออกใหม่กำหนดให้ผู้ส่งออกกราไฟต์ 2 ประเภท ได้แก่ กราไฟต์สังเคราะห์ที่มีความบริสุทธิ์สูงมีความแข็งและเข้มข้นสูง รวมทั้งกราไฟต์เกล็ดธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากกราไฟต์ ต้องยื่นขอใบอนุญาตขนส่งตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.อ้างความปลอดภัยและเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานทั้งภายในประเทศและทั่วโลก ขณะเดียวกันยังเป็นการปกป้องความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติได้ดียิ่งขึ้น หลังจากกำหนดให้ผลิตภัณฑ์กราไฟต์ที่มีความไวสูง 3 ประเภท อยู่ภายใต้การควบคุมชั่วคราวมาแล้ว

ปัจจุบันจีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกกราไฟต์รายใหญ่สุดของโลก แปรรูปกราไฟต์กว่า 90% ของโลกเป็นส่วนประกอบในขั้วบวกของแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) เกือบทั้งหมด ขณะที่ญี่ปุ่น สหรัฐฯ อินเดีย และเกาหลีใต้ เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ ท่ามกลางความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงทั่วโลก ผู้ผลิต ต่างพยายามกักตุนกราไฟต์จากแหล่งอื่นนอกจากจีนแต่ก็เริ่มขาดแคลน นักวิเคราะห์ มองว่ามาตรการนี้ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรม แม้จะทำให้ราคาสูงขึ้น เมื่อเดือน ส.ค. จีนสั่งควบคุมการส่งออกแร่แกลเลียมและเจอร์เมเนียมวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จนราคาในตลาดโลกพุ่งสูง ด้านนายมัตสึโนะ ฮิโรกาซุ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เผยว่าจะดำเนินการที่เหมาะสมหากการควบคุมของจีนครั้งนี้ละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่