ใครจะเชื่อ สหรัฐอเมริกา มหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีการเงิน การทหาร การเมืองระหว่างประเทศ วันนี้จะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน มีการปล้นสะดมไปทั่ว มีแก๊งอาชญากรเต็มไปหมดไม่ต่างจากยุค อัล คาโปน ใครใคร่ปล้นปล้น ใครใคร่ขโมยขโมย ร้านแอปเปิลสโตร์ ร้านสินค้าแบรนด์เนม ห้างสรรพสินค้า ถูกทุบกระจกปล้นเป็นว่าเล่น อย่างที่เห็นจากคลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กและ x ที่คนไทยในอเมริกาส่งมาให้ดูนั่นแหละ ล่าสุดห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯทนถูกปล้นไม่ไหว ต้องประกาศปิดห้างหนี ตำรวจสหรัฐฯจับผู้ร้ายไม่ได้ สินค้าที่ถูกปล้นก็วางขายในเว็บออนไลน์

ใครจะคิด อเมริกาจะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ได้ขนาดนี้

วันพุธที่ 27 ก.ย. มีโพสต์ลงในแอป x หรือทวิตเตอร์ เป็นคลิปวัยรุ่นกว่า 100 คน บุกเข้าปล้นร้านค้าหลายแห่งในรัฐฟิลาเดลเฟีย โดยเฉพาะ Apple Store ถูกปล้นไอโฟนไปเกลี้ยงร้าน และยังบุกปล้นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลซิตี้ด้วย ตำรวจฟิลาเดลเฟีย รายงานว่า วัยรุ่นสวมหน้ากากกว่าร้อยคนบุกเข้าปล้นร้านค้าหลายแห่ง รวมทั้ง Apple Store กวาดของมีค่าในร้านไปจนหมด ตำรวจพยายามจับกุม แต่วัยรุ่นหลบหนีไปได้หมด

ตำรวจคาดว่า สาเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นปล้นร้านค้าใหญ่ทั่วเมือง เพราะไม่พอใจคำพิพากษาเมื่อวันอังคารที่ 26 ก.ย. มีการยกฟ้องข้อหาฆาตกรรมและข้อหาอื่นๆต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลาเดลเฟีย ที่ยิง นายเอ็ดดี ไอริซาร์รี เสียชีวิต

วันอังคารที่ 26 ก.ย. Target ห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่สหรัฐฯที่มีสาขาเกือบ 2,000 สาขา ได้ออกแถลงการณ์ ประกาศปิดห้างทาร์เก็ต 9 แห่งในเมืองใหญ่ทั่วสหรัฐฯที่มีการปล้นสะดมขโมยสินค้าในห้าง และมีกลุ่มอาชญากรมืออาชีพที่ปล้นห้างค้าปลีกโดยเฉพาะ (Organized Retail Crime) หนึ่งในสาขาที่จะปิดตั้งอยู่ใน มหานครนิวยอร์ก ใกล้กับย่านฮาร์เล็ม อีกห้างที่ นครซีแอตเติล สามห้างใน นครซานฟรานซิสโก โอ๊คแลนด์ และอีกสามห้างใน พอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน Target ทั้ง 9 แห่งจะปิดในวันที่ 21 ต.ค.นี้

...

แถลงการณ์ของห้างทาร์เก็ตกล่าวว่า เราไม่สามารถที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เพราะไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยของพนักงานและลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในห้างได้ จากกลุ่มอาชญากรรมในห้างสรรพสินค้าที่มีการวางแผนขโมยสินค้าอย่างมืออาชีพ เราไม่อยากปิดห้าง เราทราบดีว่าร้านค้าของเรามีบทบาทสำคัญในการบริการแก่ชุมชน แต่เราจะประสบความสำเร็จได้ ถ้าเราได้ทำงานและค้าขายในบรรยากาศแวดล้อมที่มีความปลอดภัยสำหรับทุกคน

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานในปลายเดือนมิถุนายนว่า ผู้บริหารของหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายต่างๆในสหรัฐฯ ต่างรู้สึกกังวลต่อองค์กรอาชญากรรมที่มีเป้าหมายปล้นร้านค้าปลีกและรถบรรทุก เพื่อนำสินค้าที่ขโมยมาไปขายต่อในออนไลน์ ที่ผ่านมาแก๊งเหล่านี้ได้ขโมยสินค้าไปกว่า 100 ล้านดอลลาร์แล้ว ส่วนใหญ่จะเป็น น้ำหอม เครื่องสำอาง สว่านไฟฟ้า แล้วนำไปขายต่อในตลาดมืด และขายในเว็บออนไลน์ที่มีการประมูล หรือขายต่อให้บุคคลที่สามเพื่อนำไปขายต่อในเว็บอีคอมเมิร์ซ เช่น Amazon.com และ Walmart.com ทำให้วอลมาร์ทและแอมะซอนต้องโพสต์คำเตือนในเว็บไซต์ให้ผู้ซื้อขายสินค้าแจ้งสินค้าที่ต้องสงสัยที่วางขายในเว็บไซต์

การปล้นร้านค้าขโมยสินค้าในเมืองใหญ่ต่างๆในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่เป็นมือสมัครเล่น คนจนคนผิวสี จากความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสหรัฐฯ และคนไร้บ้านที่มีให้เห็นทั่วนครนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ซานฟรานซิสโก และเมืองใหญ่ทุกแห่ง แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ Organized Retail Crime ที่มีการวางแผนปล้นและมีแหล่งขายที่สามารถเปลี่ยนสินค้าเป็นเงินสดได้

ใครจะคาดคิด สหรัฐฯมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก จะมีวันที่เลวร้ายเช่นนี้ในบ้านตัวเอง ห้างดังต้องปิดหนีโจร ทนถูกปล้นไม่ไหว ยุโรป วันนี้ก็มีชะตากรรมเดียวกัน ใครไปซื้อแบรนด์เนมในกรุงปารีสหิ้วโชว์ออกมาถูกปล้นแน่นอน เห็นแล้วก็อนาถใจ เมืองไทยของเราน่าอยู่ที่สุดในโลกครับ ถ้าเราโชคดีอีกนิดได้ “นักการเมืองน้ำดีซื่อสัตย์สุจริต” เข้ามาบริหารประเทศ เมืองไทยจะเป็นสวรรค์บนโลก เลยทีเดียว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม