สภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณอุดหนุนระยะสั้นแบบฉิวเฉียด เพื่อไม่ให้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดนถูก'ชัตดาวน์'จนต้องปิดหน่วยงานของรัฐบาล และส่งผลกระทบต่อพนักงานรัฐกว่าหมื่นคน

เมื่อ 1 ต.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในที่สุด วุฒิสภาสหรัฐฯซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 88 ต่อ 9 เสียง ผ่านร่างกฏหมายจัดสรรงบประมาณอุดหนุดระยะสั้น แบบฉิวเฉียด ที่จะทำให้รัฐบาลไบเดนมีงบประมาณสำหรับบริหารกิจการของรัฐต่อไปอีก 45 วัน จนถึงวันที่ 17 พ.ย.2566

จากนั้นได้มีการส่งร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้ให้ประธานาธิบดีไบเดน ลงนามรับรองออกเป็นกฎหมายได้ทันเวลา ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในเวลา 00.01 น ของวันที่ 1 ตุลาคม 2566  ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ 

ก่อนหน้านี้ ไม่นานนัก นายเควิน แมคคาร์ธีย์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากพรรครีพับลิกัน ได้ยอมหันมาสนับสนุนร่างกฎหมายจัดสรรงบประมาณอุดหนุนระยะสั้น ก่อนจะถึงกำหนดเส้นตาย เพื่อทำให้รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ต้องถูกชัตดาวน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพนักงานรัฐกว่าหมื่นคน

จึงทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งจะจัดสรรงบประมาณให้แก่รัฐบาลจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน ปีนี้ ซึ่งไม่มีความช่วยเหลือใหม่สำหรับยูเครน ได้รับการอนุมัติในที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนฯไปด้วยคะแนนเสียง 335 ต่อ 91 เสียง

ทั้งนี้ หากรัฐบาลสหรัฐฯถูกชัตดาวน์ จะทำให้พนักงานรัฐบาลกลางหลายหมื่นคนถูกพักงานโดยไม่รับค่าจ้าง และระงับบริการต่างๆ ของรัฐบาล มีกำหนดหลังเที่ยงคืนของวันที่ 30 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ต.ค. ตามเวลาในไทย

ความคืบหน้าครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ กลุ่ม สส.สายแข็งในพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ยอมรับร่างกฎหมายที่พรรครีพับลิกันเสนอ เพื่อให้รัฐบาลกลางมีงบประมาณรายจ่ายใช้ชั่วคราว นอกจากนั้นร่างกฎหมายนี้ยังมีแนวโน้มที่จะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก เพราะเสนอตัดลดงบประมาณรายจ่ายลงอย่างมาก

...

การผ่านร่างกฎหมายครั้งนี้ซึ่งจะทำให้หน่วยงานรัฐบาลกลางสามารถดำเนินการต่อไปอีก 45 วัน ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครตมากกว่าพรรครีพับลิกัน โดยมีสมาชิกพรรครีพับลิกันมากถึง 90 คนลงคะแนนเสียงคัดค้าน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวกระทบกระเทือนต่อกลุ่มพรรครีพับลิกันฝ่ายขวากลุ่มเล็กๆ ที่ได้จัดการเจรจาในสภาฯ โดยมีข้อเรียกร้องในการลดหย่อนการใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติส่วนใหญ่มีความกระตือรือร้นที่จะหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ ข้อเรียกร้องหลักประการหนึ่งของฝ่ายต่างๆ คือการที่สหรัฐฯ จะไม่ให้เงินสนับสนุนยูเครนจากการรุกรานโดยรัสเซีย

การชัตดาวน์เกิดขึ้นเมื่อสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภา ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางประมาณ 30% ที่พวกเขาต้องอนุมัติก่อนเริ่มปีงบประมาณแต่ละปีในวันที่ 1 ตุลาคม และเนื่องจากพรรครีพับลิกันถือเสียงข้างมากในสภา และพรรคเดโมแครตถือเสียงข้างมากในวุฒิสภา ดังนั้นมาตรการระดมทุนใดๆ ก็ตามจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย

ความพยายามในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวในสภาฯ หลายครั้ง ถูกขัดขวางในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโดย สส.สายแข็งกร้าวในพรรครีพับลิกัน กลุ่มดังกล่าวได้คัดค้านมาตรการการใช้จ่ายระยะสั้น และผลักดันให้มีการปรับลดค่าใช้จ่ายโดยผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายระยะยาวพร้อมเงินออมเฉพาะหน่วยงาน แม้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวมีโอกาสน้อยมากที่จะผ่านวุฒิสภาก็ตาม

นายเควิน แม็กคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนฯ จากรีพับลิกัน แสดงท่าทีลังเลอย่างมากในการขอคะแนนเสียงจากพรรคเดโมแครตในการผ่านร่างกฎหมายของสภาฯ จนถึงนาทีสุดท้าย เนื่องจากการทำเช่นนี้จะทำให้สมาชิกพรรคอนุรักษนิยมสายแข็งเหล่านี้ไม่พอใจ

แต่พรรคเดโมแครตไม่ได้รับทุกสิ่งที่ต้องการ แม้ว่าจะลงคะแนนเสียงเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ และต้องละทิ้งความหวังที่จะให้ความช่วยเหลือทางทหารเพิ่มเติมแก่ยูเครน โดยพวกเขาและพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนเงินทุนแก่ยูเครน จะยังคงเผชิญความกดดันในการหาเงินทุนเพิ่มเติมต่อไป แต่เจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้เตือนว่าในระยะสั้น ความพยายามในการทำสงครามของยูเครนอาจหยุดชะงักได้

ฝ่ายนิติบัญญัติในวุฒิสภาคาดว่าจะรับร่างกฎหมายนี้อย่างรวดเร็ว และพยายามผ่านร่างกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่ประธานาธิบดีไบเดนจะลงนามเพื่อผ่านเป็นกฎหมาย

สมมติว่าวุฒิสภาปฏิบัติตามผู้นำของสภา และอนุมัติร่างกฎหมายระยะสั้นอย่างรวดเร็ว รัฐบาลจะยังคงเปิดอยู่ อย่างน้อยก็ในตอนนี้

อย่างไรก็ตาม ภาวะชัตดาวน์ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งใน 45 วัน เนื่องจากความขัดแย้งขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับระดับการใช้จ่าย และนโยบายของรัฐบาลระหว่างพรรครีพับลิกันกับพรรคเดโมแครต หรือในหมู่พรรครีพับลิกันเองที่ไม่ได้รับการแก้ไข.

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา: BBCReuter