บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) จัดพิธีเปิดให้บริการแบบ Soft Opening อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมพิธีฯ เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2566 ณ อาคาร SAT-1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า อาคาร SAT-1 ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ขณะนี้พร้อมเปิดต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกด้วยบริการที่มีคุณภาพและความปลอดภัยระดับมาตรฐานสากล ยกระดับขีดความสามารถของ ทสภ.สู่ท่าอากาศยานชั้นนําระดับโลกและรองรับการเป็นฮับการบินของภูมิภาค โดยในสัปดาห์แรกที่เปิดให้บริการจะมี สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ให้บริการวันละประมาณ 14 เที่ยวบิน และสายการบินไทยเวียตเจ็ทจะให้บริการวันละประมาณ 4 เที่ยวบิน และจะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและสายการบินจนเต็มศักยภาพภายในปลายปี 2566

อาคาร SAT-1 ได้มีการนําเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้บริการกับนักท่องเที่ยว อาทิ รถไฟฟ้าขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM) โดย AOT ให้ความสำคัญในเรื่องระดับการให้บริการ (Level of Service) เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายและปลอดภัยมากที่สุด ด้านการตกแต่งภายในอาคารเป็นแบบผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมและศิลปะที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัย ทั้งยังคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการออกแบบอาคารที่ยั่งยืน (Sustainable Design) ใช้วัสดุการก่อสร้างที่ดูแลรักษาได้ง่าย เพื่อช่วยให้ประหยัดพลังงานและเน้นการใช้แสงธรรมชาติ สอดรับกับแผนขับเคลื่อน ทสภ.ให้ก้าวสู่การเป็นสนามบินรักษ์โลกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Airport) นอกจากนี้ การออกแบบพื้นที่ใช้สอยของอาคาร SAT-1 ยังคำนึงถึงการใช้งานของทุกเพศทุกวัยอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยการออกแบบเพื่อทุกคน (Universal Design) เช่น ห้องนั่งสมาธิ ห้องละหมาดที่แยกระหว่างหญิง-ชาย ห้องแม่และเด็ก (Babycare Room) รวมทั้งมีห้องและพื้นที่สำหรับเด็กเล่น เก้าอี้พักคอยที่ติดตั้งที่ชาร์จ พร้อมอุปกรณ์เสริมเต้ารับไฟฟ้าช่องเสียบ USB แบบ Universal เป็นต้น

อาคาร SAT-1 มีพื้นที่ใช้สอย ภายในอาคาร 251,400 ตารางเมตร และพื้นที่ลานจอดอากาศยานรวมกว่า 260,000 ตารางเมตร เป็นอาคารสูง 4 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน 2 ชั้น เชื่อมต่อกับ Main Terminal ด้วยอุโมงค์ใต้ดิน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ทั้งขาออกและขาเข้าระหว่างประเทศ สําหรับพื้นที่ลานจอดอากาศยานของอาคาร SAT-1

ประกอบด้วยหลุมจอดประชิดอาคารทั้งหมด 28 หลุมจอด สามารถจอดอากาศยานขนาด Code F เช่น A380 และ B747-7 ได้ 8 หลุมจอด และอากาศยานขนาด Code E เช่น B747 และ A340 ได้ 20 หลุมจอด มีสะพานเทียบอากาศยาน 64 สะพาน ปัจจุบันอาคาร SAT-1 ได้ผ่านการทดลองปฏิบัติการ ความพร้อมทั้งระบบ มีบุคลากรที่ผ่านการอบรมตามเกณฑ์มาตรฐาน พร้อมเข้าปฏิบัติงาน ตลอดจนได้มีการตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานสากลโดยหน่วยงานควบคุมและกํากับดูแลที่เกี่ยวข้อง

ดร.กีรติ กล่าวในตอนท้ายว่า AOT มุ่งมั่นพัฒนาสนามบินในความรับผิดชอบให้มีความพร้อมให้บริการผู้โดยสารด้วยมาตรฐานเหนือระดับ เพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินการท่องเที่ยวของประเทศให้เติบโต ตลอดจนเป็นการสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจ ในภาพรวมประเทศได้อย่างยั่งยืนต่อไป