สหรัฐฯและซาอุดีอาระเบียเคยแนบแน่นใกล้ชิดสนิทกัน กระทั่งเดือนตุลาคม 2018 นายจามาล คาช็อกกี นักข่าววอชิงตัน โพสต์ ชาวซาอุดีอาระเบีย ถูกฆาตกรรมและถูกชำแหละศพอย่างโหดเหี้ยมภายในสถานกงสุลใหญ่ซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูลของตุรกี สหรัฐฯใช้เหตุการณ์นี้เรียกร้องให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียรับผิดชอบ ทนายความสังกัดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯยื่นคำขอต่อศาลตามข้อเรียกร้องของกระทรวงต่างประเทศ ให้พิจารณาการดำเนินคดีต่อเจ้าชายซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย

เรื่องนี้ทำให้ซาอุดีอาระเบียถอยห่างจากสหรัฐฯ เป็นที่ประจักษ์ แล้วว่า สหรัฐฯไม่ใช่มิตรแท้ สหรัฐฯเป็นเพียงประเทศที่คอยสอดส่าย สายตามองหาข้อบกพร่องของประเทศอื่น เพื่อจะนำมาเป็นความชอบธรรมใช้กระหน่ำโหมโจมตี ใต้ก้นสมองของคณะผู้นำ สหรัฐฯคิดแต่เพียงเรื่องที่จะให้ประเทศอื่นกลายเป็นเหยื่อของตนเอง ถูกควบคุมให้ซ้ายหันขวาหันตามที่รัฐบาลสหรัฐฯต้องการ

เจ้าชายซัลมานจึงนำซาอุฯ ไปอยู่กับมิตรใหม่ซึ่งพิจารณาแล้วว่าเป็นมิตรแท้ ทั้งรัสเซียและจีน ทันทีที่ตระหนักว่าเสียซาอุฯ สหรัฐฯก็ง้องอนเว้าวอน แต่ซาอุฯ เห็นว่าเลยจุดที่จะกลับมาร่วมหัวจมท้ายกับสหรัฐฯไปแล้ว

เช่นเดียวกับกรณีของอินเดีย ปัจจุบันทุกวันนี้ สหรัฐฯต้องการมิตรประเทศขนาดใหญ่ที่จะใช้รวมพลังเพื่อหยุดยั้งการเติบโตของจีน 20-22 มิถุนายน 2023 สหรัฐฯประสบความสำเร็จในการเชิญนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียไปเยือนนครนิวยอร์ก เป็นการเยือนสหรัฐฯอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก การเดินทางไปครั้งนั้น มีหลายสำนักวิเคราะห์ว่าสหรัฐฯกับอินเดียจะจับมือกันเพื่อหยุดยั้งความเจริญเติบโตก้าวหน้าของจีน

สิ่งหนึ่งซึ่งอาจจะกระอักกระอ่วนใจของโมดีก็คือ สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯมากกว่า 70 คนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีไบเดนยกประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนมาพูดคุยกับนายโมดี ในการเยือนสหรัฐฯครั้งนั้น สหรัฐฯแบ่งงานกันทำโดยใช้นโยบายหลายหน้า หน้าหนึ่งก็เออออห่อหมก โมดีแทบไม่ต้องอาบน้ำ เพราะประธานาธิบดีและนักการเมืองสหรัฐฯเอาใจโมดีทุกตรอกซอกมุม แต่อีกพวกหนึ่งก็ต้องการควบคุมโมดีให้อยู่ภายใต้อิทธิพลของสหรัฐฯด้วยการบอกว่า อา เอ็งมีปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนนะ เอ็งเป็นผู้นำอินเดียได้ด้วยความเมตตาของสหรัฐฯ สหรัฐฯจะบีบก็ตาย ถ้าคลายก็รอด

...

อยู่ดีๆ ก็มีเรื่องที่ทำให้อินเดียกลายเป็นเบี้ยล่างของสหรัฐฯและแคนาดา มีการฆ่าชาวซิกข์คนหนึ่งในแคนาดา พวก Five Eyes หมายความถึงพวกข่าวกรองของสหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สืบสวนหาข่าวกันใหญ่ แล้วก็ยัดข้อมูลใส่มือทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา จากนั้นทรูโดก็ไล่นักการทูตอินเดียออกจากประเทศ

22 กันยายน 2023 รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯตะโกนว่า “เรากังวลกับข้อกล่าวหาที่นายกฯ ทรูโดหยิบยกขึ้นมา” ขอเรียนนะครับ ว่าข้อกล่าวหาพวกนี้ก็เอ็ง 5 ประเทศนั่นแหละปั้นขึ้นมา แล้วก็สร้างข่าวโยนไปมาให้ประชาชนคนทั้งโลกสับสน “เป็นเรื่องสำคัญที่อินเดียจะต้องทำงานร่วมกับแคนาดาเพื่อหาความจริงในเรื่องนี้ สหรัฐฯต้องเห็นความรับผิดชอบ”

มีการฆาตกรรมบานเบอะเยอะแยะในสหรัฐฯที่คนทั้งโลกถือว่าเป็นเรื่องภายใน ตำรวจสหรัฐฯฆ่าคนผิวดำก็มี แต่ประเทศอื่นไม่ได้จับมาเป็นประเด็นเพื่อจะใช้ควบคุมรัฐบาลสหรัฐฯ สิ่งที่เกิดขึ้นในแคนาดา ถ้าคิดอย่างสกปรกหน่อยก็คือ อาจจะมีการฆ่านายฮาร์ดีป ซิงห์ นิจจาร์ โดยใครคนใดคนหนึ่ง หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพื่อจะใช้กรณีนี้มาเป็นเหยื่อหรือความชอบธรรมในการควบคุมอินเดีย

วันนี้อินเดียก็อาจจะตระหนักแบบเดียวกับซาอุดีอาระเบียว่าสหรัฐฯและโลกตะวันตกคบไม่ได้ ไม่จริงใจต่อกัน และก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้อินเดียทุ่มอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูไปที่กลุ่ม BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) ซึ่งก่อนหน้านี้รัสเซียกับจีนทุ่มสุดลิ่มทิ่มประตู แต่อินเดียยังกั๊กๆอยู่ เหยียบเรือสองแคม

ทว่า วันนี้ทำให้อินเดียต้องตัดสินใจว่าจะทุ่มให้กลุ่มไหนกันแน่.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม