รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อชาวอเมริกันผู้มีอิทธิพลในวงการข่าวสารทั่วโลก ประกาศจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานของบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของเขา และให้ลูกชายเข้ารับตำแหน่งแทน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อฝ่ายขวาผู้ควบคุมหนึ่งในอาณาจักรสื่อที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประธานในวันพฤหัสบดีว่า เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ทั้งสองของเขาอย่าง ‘ฟ็อกซ์ คอร์เปอเรชัน’ (Fox Corporation) และ ‘นิวส์ คอร์เปอเรชัน’ (News Corporation)

“ตลอดชีวิตการทำงานของผม ผมมีส่วนร่วมกับข่าวและความคิดต่างๆ เป็นประจำทุกวัน และเรื่องนั้นจะไม่เปลี่ยนแปลง” นายเมอร์ด็อกวัย 92 ปี ระบุในเมโมที่ส่งถึงพนักงานบริษัท “แต่ถึงเวลาแล้วที่ผมจะรับบทบาทหน้าที่ใหม่ เนื่องจากรู้ว่าเรามีทีมที่มีความสามารถจริงๆ หลากหลายทีม”

นายเมอร์ด็อกบอกอีกว่า ลาชลาน ลูกชายวัย 52 ปี ของเขา จะเป็นผู้รับตำแหน่งประธานของทั้ง 2 บริษัทต่อจากเขา โดยการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งจะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

“บริษัทของเรายังสุขภาพแข็งแรงดี เช่นเดียวกับผม โอกาสของเรายังมีมากมายกว่าความท้าทายด้านการพาณิชย์” นายเมอร์ด็อกระบุในเมโม “เรามีทุกเหตุผลที่จะมองโลกในแง่บวกในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า ผมมั่นใจและตั้งใจที่จะอยู่ตรงนี้เพื่อมีส่วนร่วมกับมัน”

พ่อลูก ลาชลาน กับ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ร่วมงาน TIME 100 Gala ที่นครนิวยอร์ก เมื่อ 21 เม.ย. 2558
พ่อลูก ลาชลาน กับ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ร่วมงาน TIME 100 Gala ที่นครนิวยอร์ก เมื่อ 21 เม.ย. 2558

...

ทั้งนี้ นายเมอร์ด็อกในฐานะผู้นำของอาณาจักรสื่อ ฟ็อกซ์ และ นิวส์ คอร์ป ซึ่งตีพิมพ์สื่อกระแสหลักมากมาย เช่น วอลล์สตรีทเจอร์นัล และแทบลอยด์ นิวยอร์ก โพสต์ ทำให้เขามีอิทธิพลอย่างมากในพรรครีพับลิกันมานานหลายสิบปี มีไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงได้

การเกษียณอายุของเขายังเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของอุตสาหกรรมสื่อ ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจโทรทัศน์และภาพยนตร์แบบดั้งเดิม ไปยังบริการสตรีมมิ่งด้วย

นักวิเคราะห์มองว่า การก้าวลงจากตำแหน่งของนายเมอร์ด็อกจะส่งผลกระทบไปทั่วโลกการเมืองของสหรัฐฯ ในขณะที่การหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 กำลังเป็นไปอย่างดุเดือด

ด้านลาชลาน เมอร์ด็อก ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ ฟ็อกซ์ และบริษัท โนวา เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ระบุในแถลงการณ์ว่า พ่อของเขาจะยังคอยให้คำปรึกษาอันล้ำค่าแก่ทั้ง 2 บริษัท

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbccnn