นาซาเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการพบเห็น UFO ที่เฝ้ารอกันมานาน โดยไม่สรุปว่าเอเลี่ยนมีจริงหรือไม่ แต่ไม่ตัดความเป็นไปได้ พร้อมแต่งตั้ง ผอ.ฝ่ายวิจัยปรากฏการณ์ UAP คนใหม่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือ นาซา จัดงานแถลงผลการศึกษาเกี่ยวกับ ‘ปรากฏการณ์ผิดปกติที่ไม่อาจระบุได้’ (Unidentified Anomalous Phenomena : UAP) พร้อมกับเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการสังเกตการณ์ทางเทคนิคและวิทยาศาสตร์ ความยาว 36 หน้าออกมาด้วย
ในงานแถลงข่าว นาซาประกาศแต่งตั้งผู้อำนวยการคนใหม่ เพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับการศึกษา UAP โดยพวกเขาจะตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ดียิ่งขึ้นและใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้าช่วยเหลือ ซึ่งนายบิล เนลสัน ผู้บริหารของนาซากล่าวว่า นาซาจะไม่เพียงเป็นผู้นำการวิจัยเกี่ยวกับ UAP แต่จะแบ่งปันข้อมูลที่มีความโปร่งใสมากขึ้นด้วย
ขณะที่รายงานของนาซาระบุว่า พวกเขาดำเนินการตรวจสอบกับพบเห็น UFO หรือวัตถุบินที่ไม่อาจระบุได้ หลายร้อยกรณี แต่ไม่พบหลักฐานว่าเอเลี่ยนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้เหล่านี้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ตัดความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเรื่องจริง ซึ่งสาระสำคัญโดยสรุปมีดังนี้
ไม่มีหลักฐานว่าเอเลี่ยนมีจริง แต่อาจมีอยู่ก็เป็นได้
หน้าท้ายๆ ของรายงานของนาซาระบุว่า ยังไม่มีเหตุผลที่จะสรุปว่า สิ่งมีชีวิตนอกโลกเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการพบเห็นปรากฏการณ์ UAP หลายร้อยกรณีที่นาซาดำเนินการสืบสวน “อย่างไรก็ตาม ... วัตถุเหล่านั้นต้องเดินทางผ่านระบบสุริยะของเราเพื่อมาถึงที่นี่” รายงานระบุ
และถึงแม้ว่ารายงานจะไม่ได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตนอกโลก แต่นาซาก็ไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะมี เทคโนโลยีเอเลี่ยนที่ไม่รู้จักกำลังปฏิบัติการอยู่ในชั้นบรรยากาศของโลก
...
ข้อมูลเกี่ยวกับ UAP มีจำกัด
น.ส.นิโคลา ฟ็อกซ์ ผู้ช่วยผู้บริหารของกองอำนวยการภารกิจอวกาศ (Science Mission Directorate) ของนาซา ระบุว่า “UAP เป็นหนึ่งในเรื่องลึกลับที่สุดของโลกของเรา” ด้วยเหตุผลหลักคือ การขาดข้อมูลคุณภาพสูง แม้จะมีรายงานการพบเห็นมากมาย แต่ข้อมูลมักไม่มากพอใช้เพื่อหาข้อสรุปที่แน่นอนทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับธรรมชาติและต้นกำเนิดของ UAP
น.ส.ฟ็อกซ์ประกาศด้วยว่า นาซาแต่งตั้งผู้อำนวยการฝ่ายการวิจัย UAP คนใหม่แล้ว เพื่อสร้างฐานข้อมูลที่เข้มแข็ง สำหรับการประเมินข้อมูลในอนาคต โดยผู้อำนวยการรายนี้จะใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กับแมชชีนเลิร์นนิง (machine learning) ในการรวบรวมข้อมูลและกระบวนการวิเคราะห์
ความเห็นเกี่ยวกับภาพเอเลี่ยนที่เม็กซิโก
แซม คาบราล นักข่าวของ บีบีซี ถามคณะกรรมการของนาซาในงานแถลงข่าว เกี่ยวกับภาพถ่ายของสิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็นฟอสซิลสิ่งมีชีวิตนอกโลก ซึ่งถูกนำเสนอในที่ประชุมรัฐสภาของประเทศเม็กซิโกเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
นายไฮเม มาอุสซาน ผู้อ้างตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน UFO นำสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็นซากฟอสซิลโบราณของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์ จำนวน 2 ร่าง มานำเสนอกลางที่ประชุมรัฐสภาเม็กซิโก เขาอ้างอีกว่าศพทั้งสองถูกพบที่เมืองกุสโก ของเปรู ในปี 2560 และผลการตรวจหาอายุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสี พบว่าพวกมันมีอายุกว่า 1,800 ปี
การเผยแพร่ศพเอเลี่ยนดังกล่าวทำให้เกิดข้อกังขามากมายในแวดวงวิทยาศาสตร์ และตัวนายมาอุสซานเองก็เคยมีประวัติอ้างเรื่องสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก ที่ถูกพิสูจน์ว่าโกหกมากแล้ว
ด้าน ดร.เดวิด สเปอร์เกล นักวิทยาศาสตร์ของนาซา บอกกับนักข่าว บีบีซี เกี่ยวกับเอเลี่ยนทั้งสองว่า “ให้ประชาคมนักวิทยาศาสตร์โลกเข้าถึงตัวเองได้สิ แล้วเราจะได้รู้กันว่ามันคืออะไรกันแน่”
...
ไม่เปิดเผยตัว ผอ.UAP คนใหม่ หวั่นอันตราย
นาซาตัดสินใจไม่เปิดเผยตัวตนของผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย UAP คนใหม่ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับบทบาทรวมถึงรายได้ ที่งานแถลงข่าวในวันพฤหัสบดี แม้นาซาจะให้คำมั่นเรื่องความโปร่งใสที่มากขึ้นเกี่ยวกับการวิจัย UAP
หนึ่งในเหตุผลที่ต้องปกปิดตัวตนก็เพื่อปกป้อง ผอ.คนใหม่จากการคุกคามจากสังคม โดย ดร.แดเนียล อีแวนส์ รองผู้ช่วยผู้บริหารฝ่ายการวิจัย ระบุว่า สมาชิกคณะกรรมการวิจัย UAP เคยได้รับคำขู่อย่างจริงจังมาแล้ว
ดร.อีแวนส์ บอกอีกว่า นาซาถือเรื่องความมั่นคงและความปลอดภัยของทีมนี้เป็นเรื่องจริงจังอย่างยิ่ง และการคุกคามนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจไม่เปิดเผยชื่อของผู้อำนวยการคนใหม่
นาซาหนุนใช้อุปกรณ์ AI
รายงานของนาซาระบุว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และแมชชีนเลิร์นนิง เป็นอุปกรณ์สำคัญในการระบุตัวตนของ UAP ขณะที่สาธารณชนก็ถือว่ามีความสำคัญยิ่งในการทำความเข้าใจปรากฏการณ์ UAP
นาซา ซึ่งระบุว่าความท้าทายใหญ่ที่สุดในการทำความเข้าใจและระบุตัวตนของ UAP คือการขาดข้อมูล ตั้งใจจะอุดช่องว่างดังกล่าวด้วยวิธี crowdsourcing หรือ การกระจายปัญหาไปยังกลุ่มคนเพื่อค้นหาคำตอบและวิธีการในการแก้ปัญหานั้น
วิธีดังกล่าวรวมถึงการออกแอปพลิเคชันแบบ โอเพนซอร์ซ (open-source) บนสมาร์ทโฟน และเก็บข้อมูลเมตาดาตา (metadata) จากผู้สังเกตการณ์พลเรือนทั่วโลกผ่านสมาร์ทโฟน
รายงานของนาซาระบุว่า ปัจจุบันยังไม่มีระบบมาตรฐานสำหรับการรวบรวมและจัดระเบียบรายงานเกี่ยวกับการพบเห็น UAP จากประชาชน ส่งผลให้ข้อมูลที่ได้รับมาขาดแคลนและไม่สมบูรณ์
...
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc