รัฐบาลอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 43 ที่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 5-7 ก.ย. ในฐานะประธานหมุนเวียนปี 2566 พร้อมเตรียมการส่งไม้ต่อแก่รัฐบาล สปป.ลาว เป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนลำดับต่อไปประจำปี 2567 ในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การประชุมอาเซียนครั้งที่ 43 มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การเผชิญหน้าทางอิทธิพลระหว่างขั้วอำนาจตะวันตก-ตะวันออก มีนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน และนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย เข้าร่วมการประชุม แต่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ติดภารกิจ และส่งนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯมาร่วมประชุมแทน เช่นเดียวกับรัฐบาลไทยที่ส่งนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงต่างประเทศ เข้าร่วมการประชุมแทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย

อย่างไรก็ตาม นายไบเดนจะเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 ที่อินเดียในวันที่ 9 ก.ย. ก่อนเยือนเวียดนามในวันที่ 10 ก.ย. เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-เวียดนาม ซึ่งกรณีนี้นายมาร์ตี นาตาเลกาวา อดีต รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีว่า การที่นายไบเดนไม่มาประชุมอาเซียนถือเป็นเรื่องน่าผิดหวัง พร้อมกังวลเรื่องบทบาทและความสำคัญของอาเซียนในอนาคต

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า การประชุมอาเซียนที่อินโดนีเซียจะมีการหารือเรื่องบทบาทของอาเซียนต่อสถานการณ์ในภูมิภาคที่เปลี่ยนแปลงไป การหารือเรื่องสถานการณ์ในเมียนมา (ซึ่งไม่ได้เชิญตัวแทนรัฐบาลเมียนมาเข้าร่วมการประชุม) ที่อาจจะมีการตัดสินใจว่าเมียนมาไม่สามารถเป็นประธานหมุนเวียนอาเซียนในปี 2569 และอาจต้องให้ฟิลิปปินส์มานั่งเป็นประธานในปีนั้นแทน อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าตัวแทนรัฐบาลเมียนมาก็จะไม่ได้รับหน้าที่ฝ่ายประสานงานอาเซียน-สหภาพยุโรปในปี 2567 ด้วยเช่นกัน

...

ขณะที่สำนักข่าวแชนเนล นิวส์ เอเชีย ระบุว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้มีการออกแผนที่ฉบับทางการแผ่นใหม่ “10 แดช ไลน์” กำหนดเขตแดนจีนครอบคลุมทะเลทางตะวันออกของเกาะไต้หวัน หมู่เกาะเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ ไปจนถึงเขตแดนพิพาทกับอินเดียและรัสเซีย ทำให้ถูกต่อต้านจากอินเดีย มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งกรณีนี้นายพาฮาลา มันซูรี รมช.ต่างประเทศอินโดนีเซีย มองว่าเป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน และการหารือย่อมดีกว่าการเดินหนีไม่คุยกัน.