การปะทะและนองเลือดรุนแรงในรัสเซียมี 2 ครั้ง ครั้งแรกคือการปฏิวัติเดือนตุลาคม พ.ศ.2460 (106 ปีมาแล้ว) ครั้งที่สองเป็นเหตุการณ์กบฏเดือนตุลาคม 1993 หรือที่ฝรั่งเรียกว่า October Putsch บางคนก็เรียกว่า October Event ที่หมายถึงเหตุการณ์เดือนตุลาคม ค.ศ.1993 หรือ พ.ศ.2536 เป็นเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว
การนองเลือดรุนแรงครั้งที่สองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เป็นช่วงที่พ่อของผม ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย พำนักพักอาศัยอยู่ในกรุงมอสโก ยังได้ไปยืนรวมกับพวก ‘รัสเซียมุง’ ดูการยิงกันระหว่างคนของประธานาธิบดีกับคนของรัฐสภา หลังจากฝ่ายสนับสนุนรัฐสภาแพ้ นายพลจำนวนหนึ่งที่สนับสนุนฝ่ายรัฐสภาก็ (ถูกบังคับ) ให้ยิงตัวตายกลายเป็นผี
23 มิถุนายน 2023 นายเยฟเกนี พรีโกซิน หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์ก่อความไม่สงบท้าทายอำนาจของปูติน หลังจากนั้น พรีโกซินก็ต้องไปอยู่ที่เบลารุส แต่ก็ยังเดินทางอย่างเสรีในรัสเซียได้นานครบ 2 เดือน เครื่องบินของพรีโกซินก็ถูกยิงตกที่เมืองตเวียร์ ใครจะสอบสวนอย่างไรไม่รู้ แต่คนเคยผ่านสถานการณ์การกบฏในรัสเซียให้ความเห็นว่า อ้า น่าจะเป็นการวางระเบิดหรือถูกยิง
อาจจะเป็นพวกอูเครน โปแลนด์ หรือแม้แต่คนในกองทัพรัสเซียที่พรีโกซินเคยพูดจาหยามหมิ่นถิ่นแคลนอยู่หลายครั้ง 30 กว่าปีที่ครอบครัวของเราสนิทกับชาวรัสเซียและยุโรปตะวันออก เราเห็นการลงโทษในลักษณะนี้อยู่หลายครั้ง
สมัยก่อนตอนที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ฝ่ายที่แพ้ก็ปลอมตัวและหลบหนีไปอยู่ในทวีปอเมริกาใต้หรือแอฟริกา สมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยีที่ทำให้ทราบที่ซ่อนตัวกันได้ แต่ฝ่ายผู้ชนะก็ยังอุตส่าห์ตามไปถึงที่และมีการลงโทษด้วยการใช้ขวานจามหัวบ้าง ใช้ที่เจาะน้ำแข็งเจาะเข้าไปในหัวบ้าง ที่เป็นข่าวใหญ่ก็คือ กรณี ของนายเลออน ทรอตสกี นักปฏิวัติและนักทฤษฎีมาร์กซ์ ที่เคียงคู่กับวลาดิมีร์ เลนิน ในการปฏิวัติเดือนตุลาคม 1917 ในรัสเซีย
...
หลังจากปฏิวัติแล้ว ทรอตสกีก็ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสงครามและนาวีเพื่อจัดตั้งกองทัพแดงและสู้เพื่อพิทักษ์ชัยชนะของการปฏิวัติเดือนตุลาคม 1917 เมื่อแพ้เกมการเมืองก็ต้องหนีไปอยู่ตามประเทศต่างๆ และเขียนหนังสือเพื่อที่จะชำระประวัติศาสตร์ เนื่องจากทรอตสกีเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงมาก่อน ค.ศ.1940 ทรอตสกีเขียนหนังสือชื่อว่า Trotsky Testament แปลเป็นไทยได้ว่าพินัยกรรมทรอตสกี เพื่อสรุปความคิดรวบยอดของชีวิตในฐานะนักปฏิวัติลัทธิมาร์กซ์ และเขียนขอบคุณเหล่าสหาย โดยทรอตสกีตั้งใจว่า หลังจากเขียนหนังสือเล่มนี้จบแล้ว แกก็มุ่งมั่นว่าจะฆ่าตัวตาย
การปล่อยให้ใครศัตรูฆ่าตัวตายเป็นการตายที่ง่ายเกินไป ต้องส่งไปเกิดใหม่เท่านั้น ตอนนั้นทรอตสกีหนีไปซ่อนตัวอยู่ในทวีปอเมริกาใต้แล้ว แต่การสืบสวนหาข่าวของนักฆ่าที่สแกนไปในพื้นที่ทั้งโลก ก็รู้ที่ซ่อนตัวของทรอตสกี เมื่อ 24 พฤษภาคม 1940 นักสืบสวนหาข่าวชาวรัสเซียก็ยังไปยิงและขว้างระเบิดใส่ทรอตสกีได้ถูกบ้าน แต่ทรอตสกีก็รอดมาได้
นายรามอน เมร์กาเดร์ ชาวสเปนปลอมตัวเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวเบลเยียมเข้ามาตีตนสนิทสนมกับทรอตสกี จนทรอตสกีไว้ใจ 20 สิงหาคม 1940 นายเมร์กาเดร์ใช้ที่เจาะน้ำแข็งแทงเข้าไปในศีรษะของทรอตสกีนักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่ เลือดจากศีรษะของทรอตสกีพุ่งกระฉูดเข้าไปเลอะเปรอะเปื้อนต้นฉบับที่ทรอตสกีกำลังเขียนอยู่
เมร์กาเดร์ถูกตัดสินจำคุก 20 ปี ได้รับอิสรภาพเมื่อพฤษภาคม 1960 หลังจากนั้นก็เดินทางไปอยู่ที่คิวบา และย้ายไปอยู่กรุงมอสโกเมื่อ 1961
พวกที่ไปศึกษาในสหภาพโซเวียตบางพวก มักจะถูกสอนให้เรียนรู้วิธีการสืบสวนหาข่าวและการปลอมตัวของเมร์กาเดร์ หลายคนได้รับคำแนะนำให้นำช่อดอกไม้ไปวางที่หลุมฝังศพของเมร์กาเดร์ที่สุสานคุนต์เซโวแห่งกรุงมอสโก
เพื่อขอบคุณ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม