รสนิยมเรื่องการบริโภคกาแฟของคนเราก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความแตกต่าง ไม่ใช่แค่ความชอบในแต่ละเมนูที่ปรุงแต่งอย่างหลากหลาย แต่บางคนก็ชอบดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีน บางคนก็ชอบแบบไม่มีคาเฟอีนหรือที่เรียกว่า ดีแคฟ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการนอนหลับ เราจึงได้เห็นกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีนถูกผลิตออกมาเป็นทางเลือกให้กับคอกาแฟ ในสหรัฐอเมริกาเองมีข้อมูลจากสมาคมกาแฟแห่งชาติ (National Coffee Association-NCA) เผยว่าการบริโภคกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีนมีสัดส่วนประมาณ 10% ของตลาดในสหรัฐอเมริกา

ล่าสุด สถาบันพืชไร่กัมปินาส หรือไอเอซี (Instituto Agronomico de Campinas-IAC) ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยกาแฟชั้นนำที่จัดหาต้นกาแฟที่ให้ผลผลิตสูงจำนวนมาก ช่วยให้บราซิลกลายเป็นเหมือนโรงไฟฟ้าในตลาดกาแฟโลก โดยจัดหากาแฟมากกว่า 1 ใน 3 ของตลาด สถาบันดังกล่าวได้ใช้เวลาถึง 20 ปีในการพัฒนาสายพันธุ์กาแฟอารบิกาตามธรรมชาติที่ไม่มีคาเฟอีน ซึ่งนักวิจัยคิดว่าการพัฒนานี้จะมีศักยภาพในเชิงพาณิชย์อย่างมาก และตอนนี้นักวิจัยกำลังเริ่มทำการทดลองภาคสนามในบางสายพันธุ์กาแฟในระดับภูมิภาค โดยผสมข้ามพันธุ์ต้นกาแฟที่มีปริมาณคาเฟอีนต่ำโดยธรรมชาติ โดยอาศัยคลังเชื้อพันธุ์พืชของพวกเขา

หากปลูกเมล็ดกาแฟตามธรรมชาติไร้คาเฟอีนประสบความสำเร็จ พันธุ์กาแฟที่ได้ใหม่อาจหาตลาดเฉพาะในภูมิภาคที่มีการบริโภคขนาดใหญ่ เช่น ยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้ อานิสงส์ต่อมาก็คือบริษัทที่ขายกาแฟแบบไม่มีคาเฟอีน ก็จะได้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลง.