เป็นธรรมเนียมของข้อเขียนในฉบับวันจันทร์ หลังวันเลือกตั้งมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ ที่บรรดาคอลัมนิสต์ต่างๆ มักจะหลบไปเขียนเรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของบ้านเรา
เหตุเพราะหนังสือพิมพ์ฉบับวันจันทร์นั้น จะออกวางแผงจำหน่ายล่วงหน้าตั้งแต่สายๆวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง และกฎหมายเลือกตั้งจะห้ามไว้มิให้มีการหาเสียง หรือการแสดงความคิดเห็นไปในทำนองชี้นำ ให้เลือกผู้สมัครหรือพรรคหนึ่งพรรคใดในวันเลือกตั้ง
นักเขียนรุ่นเก่าจึงหลบไปเขียนเรื่องอื่นๆสำหรับฉบับวันจันทร์เพื่อมิให้เสี่ยงต่อการถูกจับถูกปรับหรือถูกจำด้วยประการฉะนี้
รวมทั้งผมที่ประพฤติปฏิบัติมาเป็นประจำ จนถึงวันนี้ซึ่งกฎหมายเลือกตั้งก็ยังห้ามอยู่ และหนังสือพิมพ์ของเราก็ยังออกขายล่วงหน้าอยู่
ไปเขียนเรื่องไกลตัวเกี่ยวกับสหรัฐอเมริกาดีกว่าครับ...เขียนแล้วน่าจะ “สบายใจ” เพราะไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้งไทยอย่างแน่นอน
ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน นี่แหละครับ กำลังเผชิญกับภาวะ “ถังแตก” อย่างรุนแรง เพราะก่อหนี้เอาไว้เต็มเพดานเท่าที่กฎหมายอนุมัติไว้
ถ้ารัฐสภาไม่อนุมัติให้ขยายเพดานหนี้ออกไปอีก ภายในวันที่ 1 มิถุนายนแล้วละก็ เราจะได้เห็น “เศรษฐี” กลายเป็น “ยาจก” เพราะจะต้อง “ผิดนัด” ในการชำระหนี้อย่างแน่นอน
หากจะไม่ผิดนัดชำระหนี้ ก็อาจจำเป็นต้องปิดหน่วยงานราชการบางหน่วย เลิกจ้างงานราชการในบางประเภท เพราะไม่มีเงินจะมาจ้างได้ เกิดความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมต่อสหรัฐฯอย่างใหญ่หลวง
มีการประเมินว่า หากการตกลงขยายเพดานหนี้ล่าช้าออกไป 1 สัปดาห์ คนอเมริกันจะตกงานทันที 5 แสนคน และเศรษฐกิจติดลบร้อยละ 0.6
...
ในกรณีเลวร้ายที่สุดหากการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯยืดเยื้อยาวนานกว่า 3 เดือนละก็ คนอเมริกันจะตกงานถึง 8.3 ล้านคน และเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะ “ถดถอย” หนักกว่าที่คาดการณ์ไว้ ฯลฯ
ข่าวแจ้งว่า ประธานาธิบดี ไบเดน และคณะได้พบปะเจรจากับประธานสภาผู้แทนราษฎรและคณะไปแล้วหนึ่งครั้ง แต่ยังตกลงอะไรกันไม่ได้
คาดกันว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นพรรครีพับลิกัน คงจะเล่นแง่และสร้างเงื่อนไข เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของฝ่ายตนจนอาจเป็นผลให้การเจรจายืดเยื้อต่อไป
ล่าสุดเมื่อวันศุกร์นี้เอง นาย เจมี่ ไดมอน ซีอีโอ ของ JPmorgan Chase เจ้าของธนาคารและบริษัทเงินทุนระดับยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขารู้สึกห่วงสถานการณ์นี้มาก และได้จัดตั้ง “วอร์รูม” หรือห้องประชุมฉุกเฉินติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดขึ้น
เขาบอกว่าช่วงนี้จะเข้าประชุมวอร์รูมวันละครั้ง แต่ต่อไปอาจต้องเข้าประชุมถึงวันละ 3 ครั้ง เพื่อให้ทันกับสถานการณ์
นายไดมอนเตือนด้วยว่า “การผิดนัดชำระหนี้” ถ้าเกิดขึ้นจะนำไปสู่ความเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุด จึงอยากให้ฝ่ายการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายคำนึงถึงประเด็นนี้ให้มากๆ
ยอดหนี้สาธารณะล่าสุดของรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 117 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี (คิดเป็นเงินไทยเท่าไรคูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยน ล่าสุดขณะเขียนซึ่งเท่ากับ 33.79 บาทต่อ 1 ดอลลาร์)
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ณ นาทีนี้มีปัญหาท่วมท้นอยู่แล้วอย่างที่ทราบ โดยเฉพาะเงินเฟ้อก็ยังมีอยู่แม้จะกดลงมาได้เยอะแล้วก็ตาม ขณะเดียวกัน “ธนาคาร” ก็แข่งกันเจ๊ง ดังที่ทางการต้องเข้าไปโอบอุ้มแล้ว 3-4 แบงก์
ล่าสุดเห็นว่ากำลังจะต้องอุ้มอีก 1 แบงก์ (พร้อมมีรายงานการศึกษาว่า ยังจะตามมาอีกหลายๆแบงก์เร็วๆนี้)
อ่านข่าวแล้วก็ใจหายและต้องพลอย “ลุ้น” ไปกับคนอเมริกันเขาด้วย เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับสหรัฐฯ ในทางเศรษฐกิจละก็จะเกิดผลกระทบกระเทือนไปทั่วโลกอย่างแน่นอน
อยากจะใช้คำว่า “ส.น.น.” หรือ “สมน้ำหน้า” เพราะบ้านเมืองตัวเองมีปัญหาร้ายแรงขนาดนี้ยังไปยุ่งกับโลกเสียทั้งหมด...ก็ไม่กล้าใช้คำนี้
แถมยังต้องมาลุ้นเอาใจช่วยเขาเสียอีก
เพราะอย่างที่ว่า ถ้า “ยักษ์” สหรัฐฯล้มจะสั่นสะเทือนไปทั่วโลก รวมถึงบ้านเรา...อย่าลืมหาทางหลบพายุกันไว้บ้างนะครับ.
“ซูม”