28 เมษายน 2023 ในงานประกาศผลรางวัลอีโคโนมิก ไทม์ส อวอร์ด ฟอร์ คอร์เปอร์เรต เอ็กเซลเลนซ์ 2023 มหาเศรษฐีชาวอินเดีย นายอูเด โกตัก ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารโกตักมหินทรา พูดว่า “ดอลลาร์สหรัฐฯเป็นผู้ก่อการร้ายทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทั่วโลกถือครองทรัพย์สินส่วนใหญ่ในรูปของดอลลาร์ เราจึงต้องลดการพึ่งพาการตัดสินใจของนายธนาคารและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯลง”

โกตักซึ่งเป็นอัจฉริยะทางการเงินคนหนึ่งของโลกบอกว่า ยุโรปไม่สามารถจะทำให้เงินยูโรเป็นสกุลเงินสำรองได้ เพราะประเทศในทวีปยุโรปแตกแยก สหราชอาณาจักรและญี่ปุ่นก็แข็งแรงไม่พอที่จะรับสถานะนี้ (สถานะที่ให้เงินของตนเป็นสกุลสำรองระดับโลก) ส่วนจีนนั้น นายโกตักคิดว่ายังมีปัญหาในเรื่องความไว้วางใจจากหลายประเทศทั่วโลก

ผู้อ่านท่านคงทราบถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว 5 แห่ง หรือ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) กำลังเสนอแนวทางการใช้เงินสื่อกลางสกุลใหม่ หรืออาจจะซื้อขายด้วยสกุลเงินของตัวเอง หรืออาจจะแลกเปลี่ยนกันโดยตรง การดิ้นรนให้พ้นจากดอลลาร์สหรัฐฯเป็นผลมาจากความขัดแย้งอูเครน-รัสเซีย ที่สหรัฐฯและตะวันตกตัดขาดรัสเซียออกจากระบบธนาคารการเงินโลก แถมยังยึดเงินทุนสำรองสกุลดอลลาร์ของรัสเซียไว้ ทำให้ ประเทศอื่นกลัวว่าอนาคตตนเองก็อาจจะถูกเล่นงานเช่นเดียวกับรัสเซีย จึงคิดหาหนทางหนีให้พ้นจากอิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐฯเสียแต่วันนี้

ผู้อ่านท่านหนึ่งมีอีเมลมาถามที่ songlok1997@gmail.com ว่าเหตุผลกลใดดอลลาร์สหรัฐฯจึงมีอิทธิพลและเป็นสกุลเงินอันดับ 1 ของโลก ขอตอบว่าเรื่องนี้มาจากการวางแผนครับ ค.ศ.1904 ประธานาธิบดีทีโอดอร์ รูสเวลต์ประกาศให้สหรัฐฯต้องยึดหลักการมอนโรโดยการเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น

...

ช่วงนั้น สาธารณรัฐโดมินิกันไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้แก่เจ้าหนี้ยุโรปได้ รัฐบาลประเทศยุโรปเตรียมใช้กำลังทหารเข้าไปบังคับรัฐบาลโดมินิกัน ประธานาธิบดีรูสเวลต์เห็นเป็นโอกาสที่จะสร้างความแข็งแรงให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ จึงรับชำระหนี้แทน แล้วก็ส่งกองกำลังเข้าไปในสาธารณรัฐโดมินิกันเพื่อจัดเก็บภาษีศุลกากร ตอนแรกก็ทำอย่างลับ กระทั่ง ค.ศ.1907 ก็ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาสหรัฐฯ จึงเก็บภาษีอย่างเปิดเผย

ทีโอดอร์ รูสเวลต์หมดวาระประธานาธิบดีใน ค.ศ.1909 คนที่ขึ้นมาใหม่คือประธานาธิบดีวิลเลียม โฮเวิร์ด ทัฟต์ แกให้รัฐมนตรีต่างประเทศที่ชื่อนายฟิแลนเดอร์ ซี. นอกซ์ สั่งนายธนาคารสหรัฐฯให้รวมหัวกันไปใช้หนี้แทนสาธารณรัฐฮอนดูรัส จุดมุ่งหมายก็คือต้องการเข้าไปควบคุมเศรษฐกิจทั้งหมดของฮอนดูรัส และสถาปนาความเข้มแข็งของดอลลาร์สหรัฐฯ

บังเอิญมีการปฏิวัติที่สาธารณรัฐนิคารากัว ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของฮอนดูรัส ประธานาธิบดีทัฟต์จึงส่งกองกำลังนาวิกโยธินเข้าไปควบคุมนิคารากัว อ้างว่าเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน ทว่าเมื่อเข้าไปแล้ว สหรัฐฯก็มีนโยบายทำลายระบบเศรษฐกิจและความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดั้งเดิม เพื่อให้ทุกองคาพยพของธุรกิจต้องพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ สหรัฐฯมีนโยบายส่งทหารเข้าไปทำลายเศรษฐกิจและสกุลเงินเดิมในหลายประเทศ เพื่อให้ดอลลาร์สหรัฐฯเข้าไปทดแทนและเป็นเงินสกุลที่สำคัญ อย่างเป็นเรื่องเป็นราวในยุคของประธานาธิบดีทัฟต์

ค.ศ.1909 รัฐบาลสหรัฐฯต้องการเข้าไปสถาปนาความสำคัญของดอลลาร์ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ประธานาธิบดีทัฟต์จึงเสนอให้เงินกู้แก่จีนเป็นจำนวนมาก เพื่อใช้สร้างทางรถไฟในแคว้นแมนจูเรีย แต่จีนปฏิเสธ

สหรัฐฯทำย้ำๆซ้ำๆในหลายประเทศจนทั้งโลกใช้ดอลลาร์เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ความรุ่งเรืองเฟื่องฟุ้งของดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ได้ประมาณ 100 ปี จีนและรัสเซียก็คุยกันถึงเรื่องอิทธิพลของดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง แต่การค้าขายด้วยหยวนและรูเบิล ซึ่งเป็นสกุลเงินท้องถิ่นเพียง 2 ประเทศยังไม่พอ ประเทศต่างๆ ไม่กล้ากระโจนลงมาร่วมเพราะกลัวอิทธิพลสหรัฐฯ

แต่ตอนนี้ หลายประเทศทยอยมาร่วม De-dollarization หรือกระบวนการแทนที่เงินกระดาษดอลลาร์สหรัฐฯด้วยการใช้สกุลเงินอื่นแทน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com