30 ปีที่แล้ว ช่วงที่พ่อผมอยู่รัสเซีย มีนิสิตชายหญิงชาวเวียดนามมาคุยอยู่เป็นประจำว่า พวกเราชื่นชมประเทศของคุณเหลือเกิน จะเป็นไปได้ไหมว่าถ้าพวกเราเรียนหนังสือจบแล้ว คุณจะช่วยเราหางานทำในไทย สมัยก่อนตอนโน้น นิสิตเวียดนามให้เกียรติและชื่นชมคนไทยมาก

ค.ศ.2001 งานฉลองความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม 25 ปี มีคนเวียดนามเดินทางจากภาคกลางของประเทศมายังบ้านของเราที่ลาดกระบัง มากันหลายคันรถบัส มาถึงก็ตื่นเต้นกับการพัฒนาของประเทศไทย สมัยนั้นผู้คนยังไม่ค่อยมีกล้องถ่ายรูป คนเวียดนามเหล่านี้ใช้วิธีไปยืนข้างหน้าสิ่งที่ตนเองสนใจแล้วจดบันทึก รวมทั้งวาดภาพเพื่อจะนำไปใช้พัฒนาในประเทศของตนเอง

ค.ศ.2002 คนหนุ่มสาวจากจังหวัดภาคกลางของเวียดนามเริ่มแห่มาทำงานในร้านอาหาร เป็นพนักงานเสิร์ฟอาหาร ทำความสะอาด และเฝ้ารถ ร้านอาหารในเขตบางกะปิ มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง และโซนตะวันออกของกรุงเทพฯมีแต่คนงานชาวเวียดนาม แทบทุกคนทำงานกันอย่างมีเป้าหมาย ทั้งเก็บสตางค์ ส่งสตางค์กลับบ้าน และเรียนรู้การบริหารจัดการร้านจากคนไทย

ค.ศ.2023 ผ่านไป 20 กว่าปี แทบจะไม่มีชาวเวียดนามทำงานอยู่ตามภัตตาคารร้านค้าในโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ อีกเลย ติดตามถามข่าวคนเวียดนามที่รู้จักกัน ได้ความว่าคนที่เคยมาอยู่ในไทย ปัจจุบันเป็นเจ้าของกิจการ เป็นเถ้าแก่ในจังหวัดต่างๆ ทางภาคกลางของเวียดนาม หลายคนกลับมาท่องเที่ยว ในสถานะที่ไม่ใช่ลูกจ้างเหมือนเมื่อก่อน พาลูกหลานไปดูความหลังครั้งเก่าสมัยที่ตนเองยังมารับจ้างทำงาน บางคนไปเยี่ยมเจ้านายเก่าชาวไทย เจอหน้ากันคราวนี้มีความแตกต่างทางเศรษฐกิจที่ผ่านการแต่งเนื้อแต่งตัวและการใช้เงินอย่างเห็นได้ชัด

โรงงานน้อยใหญ่เกิดในเวียดนามตั้งแต่เหนือจดใต้จำนวนมาก เวียดนามกลายเป็นประเทศผู้ผลิตสินค้าหลากหลาย เป็นประเทศที่มีการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศสูงที่สุดประเทศหนึ่งของโลก รวมทั้งมีผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก

...

พุธ 19 เมษายน 2023 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกแถลงการณ์ว่า เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี มีแนวโน้มสูงถึงร้อยละ 5.8 ในค.ศ.2023 และร้อยละ 6.9 ใน ค.ศ. 2024 หัวหน้าฝ่ายการศึกษาเศรษฐกิจโลกของไอเอ็มเอฟบอกว่า ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเวียดนามขึ้นสู่อันดับ 2 ของภูมิภาคเป็นรองเพียงฟิลิปปินส์เท่านั้น

ตามข่าวการเดินทางไปเจรจาของผู้นำและรัฐมนตรีของเวียดนามในภูมิภาคต่างๆ พบว่าเดินทางกันบ่อย ไปกันทุกเดือน ตามด้วยข่าวผลการเจรจาที่เป็นเอฟทีเอแบบทวิภาคี ทำให้สินค้าที่ผลิตจากเวียดนามส่งไปขายในภูมิภาคหลากหลายของโลกด้วยภาษีศุลกากรที่ต่ำมาก และบางแห่งภาษีเป็นศูนย์ ทำให้ต้นทุนสินค้าที่ผลิตจากเวียดนามที่วางขายในต่างประเทศถูกกว่าสินค้าจากประเทศผู้ผลิตที่ไม่มีเอฟทีเอ

ความอยู่ดีกินดีของประชาชนขึ้นอยู่กับความฉลาดและความขยันขันแข็งของผู้นำ ถ้ายังนั่งจับเจ่าอยู่แต่ในประเทศ ไม่ออกไปเยี่ยมเยือน ไปสร้างสัมพันธ์ หรือไปเจรจาค้าขาย ความได้เปรียบในการส่งสินค้าไปขายก็มีน้อยกว่าประเทศที่ผู้นำและคณะผู้บริหารขยัน

20 ปีที่แล้ว ไม่ได้มีเฉพาะแรงงานจากเวียดนามเท่านั้นที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศเช่นพม่า สถานการณ์การเมืองของพม่ามีแต่รบพุ่งกัน ทหารทำปฏิวัติรัฐประหาร สถานะทางเศรษฐกิจของพม่าย่ำแย่กว่าประเทศอื่นในภูมิภาค

หลังจากมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางซูจี ก็เริ่มมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้าไปในพม่า แรงงานพม่าจำนวนไม่น้อยมีความหวังตั้งใจว่าจะได้กลับไปทำงานที่บ้าน แต่พอมีรัฐประหารเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2021 ความฝันอันบรรเจิดที่จะได้กลับไปทำงานที่บ้าน (เหมือนกับชาวเวียดนาม) ก็หายวับไปกับตา

การเมืองนิ่ง + ความขยันของผู้นำและคณะผู้บริหาร = ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ และความอยู่ดีกินดีของประชาชน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com