ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งพรวดถึง 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังกลุ่ม OPEC+ (โอเปคพลัส) ประกาศลดกำลังการผลิต ซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อ

เมื่อ 3 เม.ย. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานราคาน้ำมันโลกพุ่งพรวดกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือคิดเป็น 7% ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้นไปกว่า 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากกลุ่ม OPEC+ (โอเปคพลัส) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ สร้างความประหลาดใจ ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันลงถึงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

การประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมันในครั้งนี้ของกลุ่ม OPEC+ (โอเปคพลัส) มีขึ้นหลังจากทางการซาอุดีอาระเบีย อิรัก และชาติในอ่าวเปอร์เซียหลายชาติ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมาว่า กลุ่มโอเปคพลัสจะลดกำลังการผลิตน้ำมันลงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนถือเป็นการซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งพรวด 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มโอเปคพลัสประกาศลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งพรวด 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังกลุ่มโอเปคพลัสประกาศลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน

...

ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้มีราคาแพงขึ้น หลังจากรัสเซียเปิดฉากทำสงครามในยูเครนตั้งแต่ 24 ก.พ. 2566 และเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ราคาสินค้าค่าครองชีพพุ่งขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันในขณะนี้ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับก่อนจะเกิดสงคราม แต่แล้วจู่ๆ ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้กระโดดพรวดขึ้นถึง 5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลทันทีที่โอเปคพลัสได้ประกาศลดกำลังการผลิตลงกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

ทั้งนี้ กลุ่ม OPEC+ (โอเปคพลัส) คือกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 24 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วย 14 ชาติสมาชิก OPEC (Organization of Petroleum Exporting Countries) และชาติที่ไม่ใช่สมาชิกโอเปคอีก 10 ประเทศ รวมถึงรัสเซีย โดยโอเปคพลัสมีกำลังผลิตน้ำมันประมาณ 40% ของการผลิตน้ำมันดิบทั่วโลกทั้งหมด.