• ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์จำนวนมาก เริ่มหาลู่ทางย้ายออกจากสิงคโปร์ หลังราคาค่าเช่าที่อยู่อาศัยแพงขึ้นหลายเท่าตัว
  • เมื่อปีที่แล้วราคาค่าเช่าบ้านในสิงคโปร์พุ่งสูงขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 15 ปี โดยแวดวงอุตสาหกรรมต่างเตือนว่า ราคาที่พักอาศัยที่แพงขึ้นนี้อาจจะกระทบต่อแรงดึงดูดใจสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจากทั่วโลกต่อการตัดสินใจที่จะเข้ามาทำงานในสิงคโปร์

ราคาค่าเช่าบ้านที่กำลังพุ่งสูงขึ้นแบบติดจรวด กำลังเริ่มส่งผลต่อชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน หรือทำธุรกิจ เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้ต้องเร่งมองหาลู่ทางที่จะย้ายเมือง หรือย้ายไปยังประเทศอื่นที่ค่าใช้จ่ายถูกลง หรืออาจจำเป็นต้องหาที่ทำงานใหม่ โดยเฉพาะ ฮ่องกง หรือดูไบ ที่มีแนวโน้มที่น่าสนใจกว่า

เรื่องของค่าเช่าที่พักอาศัยในสิงคโปร์ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น เริ่มถูกจับตามองอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ โดยเฉพาะในชุมชนชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ หลังจากที่มีหญิงชาวอังกฤษรายหนึ่งมีการโพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาค่าเช่าของเจ้าของบ้าน ทาง TikTok จนได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยระบุว่า เจ้าของบ้านเช่าของเธอแสดงความเอื้อเฟื้อเป็นอย่างมาก โดยเขาบอกเธอว่าเขามีข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับเธอ ด้วยการจะปรับขึ้นค่าเช่าบ้านเธอเพียง 75 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วเขาสามารถที่ปรับราคาค่าเช่าขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์เลยก็ได้ โดยคลิปไวรัลนี้กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงอย่างมาก หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วราคาค่าเช่าบ้านพักในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วที่สุดในรอบ 15 ปี แซงหน้าเมืองอื่นๆ

...

สตีเว่น คิลเฟดเดอร์ หัวหน้าฝ่ายผลิตของ ECA อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูลและซอฟต์แวร์ ระบุว่า ในขณะที่ค่าเช่าในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นถึง 18 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเดือนกันยายนปี 2022 ในเซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง กลับมีการปรับราคาลง กัวลาลัมเปอร์ทรงตัว และปักกิ่งปรับขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันจึงจูงใจชาวต่างชาติได้มากกว่า

แอสเฮย์ รัตติ นักวิเคราะห์อาวุโสแห่งหน่วยข่าวกรองด้านเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า ราคาค่าเช่าที่อยู่อาศัยของสิงคโปร์อยู่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และยังอยู่ในอันดับต้นๆ ในแง่ของอัตราเงินเฟ้อค่าเช่าจากในบรรดา 173 เมืองที่ได้รับการประเมินอีกด้วย โดยจากรายงานค่าครองชีพโลกประจำปีล่าสุดพบว่า สิงคโปร์ขึ้นไปอยู่ในอันดับหนึ่งของเมืองที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดร่วมกับนิวยอร์กของสหรัฐฯ เลยทีเดียว

พอล เป็นหนึ่งในตัวอย่างของชาวต่างชาติที่มาทำงานที่บริษัทฟินเทคในสิงคโปร์และต้องทนรับกับค่าเช่าที่พักอาศัยที่แพงขึ้นต่อเนื่อง โดยพอลเป็นชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์มานานถึง 7 ปี และรักประเทศสิงคโปร์มาก แต่ล่าสุดเขาและครอบครัวตัดสินใจที่จะย้ายออกจากสิงคโปร์กลับไปยังฝรั่งเศส เนื่องจากผู้ให้เช่าจะปรับขึ้นราคาค่าเช่าถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือเป็นเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มราว 4,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อเดือน หรือกว่า 103,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นจำนวนเงินมหาศาลที่เขาสามารถนำไปใช้ท่องเที่ยวพักผ่อน หรือเป็นเงินเก็บไว้ใช้ในยามเกษียณได้

พอล และผู้ใช้ติ๊กต่อกชาวอังกฤษ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชาวต่างชาติที่ออกมาแสดงตัวให้เห็นถึงความเดือดร้อนจากราคาค่าเช่าที่สูงลิ่วที่พวกเขาต้องประสบในชีวิตจริง และยังคงมีชาวต่างชาติอีกจำนวนมากที่กำลังตัดสินใจหาทางออกจากปัญหานี้ด้วยการมองหาที่ตั้งรกรากใหม่ หรือที่ทำงานใหม่ เพื่อตัดลดค่าใช้จ่ายที่เกินตัวนี้ออกไปเช่นเดียวกัน ซึ่งหากชาวต่างชาติต่างทยอยย้ายออกจากสิงคโปร์ต่อไป ก็อาจจะทำให้ประเทศสิงคโปร์ประสบปัญหาขาดผู้ที่มีความรู้ความสามารถจากต่างประเทศที่จะเข้ามาทำงานเพื่อเติมศักยภาพในงานบางแขนงในเวลาอีกไม่นาน

โจชัว ยิม ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรบุคคลและการรับสมัครงาน ระบุว่า จากการให้ข้อมูลของลูกค้า และเครือข่ายที่รับบริการจากเขาต่างระบุว่า ชาวต่างชาติมีแนวโน้มที่จะย้ายออกจากสิงคโปร์ เนื่องจากค่าเช่าบ้านที่แพงขึ้นอย่างน่ากังวล โดยอาจจะคิดเป็น อัตราราว 2-3 คนต่อ 10 คน

เช่นเดียวกับ อดัม บูคอสคัส ผู้ร่วมก่อตั้ง ไวส์ มูพ ผู้ให้บริการขนย้ายของทางออนไลน์ ระบุว่า ทางบริษัทมียอดลูกค้าที่จองใช้บริการย้ายเข้ามายังสิงคโปร์ลดลง โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามีจำนวนผู้ใช้บริการย้ายเข้ามายังสิงคโปร์ลดลงราว 20 เปอร์เซ็นต์หากเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19

ขณะที่ จอห์น ดอยล์ จากบริษัทจัดหางาน เพจ เอ็กซ์คิวทีพ ระบุว่า ค่าเช่าที่แพงขึ้นอาจจะกระทบกับชาวต่างชาติแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล อย่างเช่นคนที่มีครอบครัวแล้วอาจจะยากลำบากมากขึ้นที่จะบริหารจัดการค่าใช้จ่ายหากค่าเช่าที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นระหว่าง 20-70 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงอาจจะเปลี่ยนความสนใจไปยังการเจรจาต่อรองอื่นๆ หรืออาจจะมีการขอให้บริษัทครอบคลุมค่าใช้จ่ายในเรื่องที่พักอาศัยให้ด้วย และในขณะที่พนักงานชาวต่างชาติระดับกลางในสิงคโปร์ลดจำนวนลง ทางบริษัทอาจจะหันมาให้ความสำคัญกับการจ้างงานในท้องถิ่นมากขึ้นด้วย

...

ขณะเดียวกันหลายๆ บริษัทต่างชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ก็เริ่มหันมาใช้วิธีทำงานทางไกลจากเมืองอื่นๆ ที่มีค่าครองชีพที่ต่ำกว่า และบินมายังสำนักงานใหญ่เมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น ซึ่งก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายลงไปได้มาก

ทั้งนี้ในอีกแง่มุมหนึ่งผู้เชี่ยวชาญยังคงมองว่าโดยภาพรวมแล้วประเทศสิงคโปร์นับเป็นประเทศที่มีความมั่นคงและความปลอดภัย มีความสะดวกสบายในการดำเนินธุรกิจ อัตราภาษีที่น่าสนใจ รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ซึ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้สิงคโปร์ยังเป็นสถานที่ที่น่าสนใจที่จะเข้ามาทำงาน ทั้งต่อชาวต่างชาติและภาคอุตสาหกรรม และอาจจะทำให้เรื่องค่าเช่าที่พักอาศัยที่แพงอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของพวกเขามากนัก.

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

ที่มา : SCMP, Todayonline