ศาลาว่าการเมืองบอร์กโดซ์ถูกลอบวางเพลิงเสียหายหนัก ขณะที่ชาวฝรั่งเศสแสดงการต่อต้านการที่รัฐบาลของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผ่านกฎหมายปฏิรูประบบบำนาญโดยไม่ผ่านสภา ที่ขยายเพดานอายุเกษียณจาก 62 ปี เป็น 64 ปี 

เหตุวุ่นวายดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมด้วยราชินีคามิลลา เสด็จเยือนฝรั่งเศส โดยพระองค์มีกำหนดจะเดินทางเยือนบอร์กโดซ์ ในวันที่ 2 ของการเสด็จฯ

โดยภาพที่เผยแพร่ตามสื่อโซเชียลต่างๆ เป็นภาพเปลวไฟที่กำลังลุกท่วมประตูหน้าศาลากลางในเมืองบอร์กโดซ์ ในช่วงเย็นวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อการจัดไฟเผาครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถดับเพลิงได้ดับอย่างรวดเร็ว

กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสเปิดเผยว่า มีผู้ชุมประท้วงทั่วประเทศมากกว่า 1 ล้านคน เฉพาะในกรุงปารีสมีมากถึง 119,000 คน โดยมีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 172 คนทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 149 นาย ขณะที่การประท้วงนัดหยุดงานดำเนินมาเป็นวันที่ 9

โดยในกรุงปารีส โดยทั่วไปแล้วการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ แต่มีกลุ่มอันธพาลที่มีชื่อว่า "แบล็ก บล็อก" ได้ตระเวนก่อความไม่สงบ และทำลายทรัพย์สมบัติสาธารณะ ตามสถานที่หลายแห่งในกรุงปารีส และเกิดการปะทะระหว่างตำรวจกับผู้ก่อการจลาจลที่สวมหน้ากาก ซึ่งทุบทำลายหน้าต่างร้านค้าจำนวนมาก ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดแสงเพื่อสลายการชุมนุม และถูกขว้างกลับด้วยวัตถุต่างๆ และดอกไม้ไฟ

การประท้วงยังส่งผลกระทบต่อการเดินทางด้วยรถไฟ โรงกลั่นน้ำมัน โรงเรียน การเดินทางด้วยเครื่องบินต้องหยุดชะงัก หลังเจ้าหน้าที่สนามบินชาร์ลส์ เดอ โกล ในกรุงปารีส นัดหยุดงานประท้วง

ผลสำรวจชี้ว่าชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่คัดค้านการเพิ่มอายุเกษียณดังกล่าว แม้ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง จะยืนยันว่าแผนการเพิ่มอายุบำนาญมีความจำเป็น เพื่อรักษาระบบบำเหน็จบำนาญของฝรั่งเศสให้สามารถคงอยู่ต่อไปได้ พร้อมยืนยันว่าจะต้องมีการบังคับใช้การขยายอายุเกษียณภายในปีนี้

...

ขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น หอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซาย ซึ่งเป็นสถานที่จัดอาหารค่ำสำหรับกษัตริย์ชาร์ลส์และประธานาธิบดีฝรั่งเศสในสัปดาห์หน้า ก็ถูกปิดเช่นกันในวันพฤหัสบดี

ในเมืองรูออง ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส มีหญิงสาวคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังเธอสูญเสียนิ้วหัวแม่มือหลังจากที่เธอถูกระเบิดที่เรียกว่า "แฟลชบอล" โดยตำรวจเพื่อสลายผู้ชุมนุม นอกจากนั้นยังมีการปะทะกันในเมืองนองต์, แรนส์ และลอริยองต์ ทางตะวันตกของประเทศ

โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม มีการจัดการประท้วงมาแล้ว 9 วัน และสหภาพแรงงานฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้มีการประท้วงครั้งที่ 10 ในวันอังคารหน้า ขณะที่พนักงานเก็บขยะในปารีสที่เริ่มประท้วงต่อต้านการปฏิรูปเงินบำนาญเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ได้ประท้วงต่อไปจนถึงวันจันทร์หน้า

ความไม่สงบเกิดขึ้นหลังจากการตัดสินใจของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเพิ่มอายุเกษียณในการรับเงินบำนาญ ผ่านสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่มีการลงคะแนนเสียง ด้านนายกรัฐมนตรีเอลิซาเบธ บอร์น ของฝรั่งเศส กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีความจำเป็นเพื่อป้องกันผลกระทบครั้งใหญ่ต่อระบบในอนาคต.