หลังจากทำลายโซเวียตได้เมื่อ ค.ศ.1991 สหรัฐฯก็พยายามดำรงความเป็นอภิมหาอำนาจโลกเดี่ยวให้ได้ยาวนานที่สุด เพื่อตักตวงความมั่งคั่งจากส่วนอื่นของโลกไปไว้ในแผ่นดินสหรัฐฯให้ได้มากที่สุด ส่วนรัสเซียและจีนก็พยายามดึงสหรัฐฯให้ลงมาจากตำแหน่งเบอร์หนึ่ง และขยับสถานะของตัวเองขึ้นไปให้เท่ากัน เพื่อให้โลกมีหลายขั้วอำนาจ

ขณะที่เขียนคอลัมน์รับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเดินทางไปเยือนนายปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ภาพสองผู้นำโลกจับมือและชนแก้วดังกริ๊ง ทำให้สหรัฐฯและโลกตะวันตกไม่สบายใจ สหรัฐฯออกมากระแนะกระแหนถากถางด้วยประโยคที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากคนระดับคณะผู้นำประเทศ สหรัฐฯคงเสียดายที่ไบเดนไปเยือนอูเครนก่อนหน้านี้ น่าจะไปตอนนี้ มีคนวิเคราะห์ว่าสหรัฐฯส่งสัญญาณให้ผู้นำประเทศคอหอยลูกกระเดือกของตนอย่างญี่ปุ่นเดินทางไปเยือนอูเครน

พวกผู้นำโลกเล่นกันเหมือนเด็กชั้นประถมเล่นแบ่งข้าง เมื่อฝ่ายเธอจับมือกัน ฝ่ายฉันก็จับมือกันบ้าง เมื่อฝ่ายเธอหัวเราะใส่กัน ฝ่ายฉันก็หัวเราะใส่กันบ้าง เมื่อประธานาธิบดีจีนไปเยือนประธานาธิบดีรัสเซีย นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ไปเยือนประธานาธิบดีอูเครนบ้าง ใครดูไม่ตลก แต่ผมดูตลกครับ

จีนสร้างบันไดลงให้รัสเซีย อูเครน สหรัฐฯและชาติตะวันตกทั้งหลาย รบกันจนผู้คนล้มหายตายจากทั้งสองฝ่ายหลายหมื่นเป็นแสนคนแล้ว พอกันได้แล้ว จีนเสนอแผนสันติภาพ 12 ข้อ ที่สำคัญก็คือ จีนขอให้มีการเจรจาเพื่อยุติสงครามให้เร็วที่สุด ทั้งที่การเจรจายุติสงครามเป็นเรื่องดี แต่สหรัฐฯบอกว่าจีนไม่มีศักยภาพพอที่จะเป็นตัวกลาง การพูดอย่างนี้ทำให้เห็นหางแลบออกมาจากขากางเกงของสหรัฐฯ ว่าคุณนี่เองที่ไม่อยากให้มีการเจรจาสันติภาพ

ใครๆ ก็รู้ว่าคนทะเลาะกันเพราะไม่ได้เจรจากัน ถ้าจะให้หยุดทะเลาะกันก็ต้องนั่งคุยกัน จีนเสนอถูกแล้ว สหรัฐฯแก้เก้อว่าจีนไม่มีศักยภาพในการเป็นตัวกลาง ก็มีคนถามกันเยอะครับว่าถ้าประเทศใหญ่อย่างจีนไม่มีศักยภาพ แล้วประเทศไหนจะมีศักยภาพเล่า งานนี้สหรัฐฯใช้สีข้างเข้าถู ดูแย่อย่างเห็นได้ชัด

ผู้นำจีนกับรัสเซียพบกันครั้งนี้มีความชัดเจน ไม่คลุมเครือ ประกาศว่าพวกตนทั้งสองประเทศเป็นแนวร่วมต้านตะวันตก จีนและรัสเซียขอให้สหรัฐฯหยุดบ่อนทำลายความมั่นคงระหว่างประเทศ ทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาค รวมทั้งขอให้สหรัฐฯหยุดบ่อนทำลายเสถียรภาพยุทธศาสตร์โลก ซึ่งสหรัฐฯทำมาตลอด เพื่อให้ตนเองได้เปรียบทางทหารแต่เพียงฝ่ายเดียว สิ่งที่จีนและรัสเซียกังวลใจก็คือ ขณะนี้สหรัฐฯเริ่มพานาโตมาป้วนเปี้ยนในเอเชียมากขึ้น

สหรัฐฯฟังรัสเซียกับจีนพูดถึงตนในแง่ลบแล้วก็ก้มหน้า คล้ายกับว่ากำลังคิดประดิษฐ์คำพูดที่จะใช้แก้ข้อกล่าวหา ความคิดของสหรัฐฯตกผลึกด้วยประโยคที่ว่า “อ้า จีนกำลังพิจารณาส่งอาวุธไปให้รัสเซีย” โถ คิดประดิษฐ์ประโยคอยู่ตั้งนาน สุดท้ายก็พูดได้เพียงแค่นี้เองหรือ สหรัฐฯพูดเหมือนกับว่ารัสเซียไม่มีสติปัญญาสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วยตนเอง ต้องไปขอจากจีน

ขณะโยนข้อหาให้จีน อังกฤษซึ่งเป็นประเทศลูกน้องของสหรัฐฯกลับประกาศว่าจะส่งกระสุนสำหรับรถถังประจัญบาน ชาลเลนเจอร์ 2 และกระสุนเจาะยานเกราะซึ่งในกระสุนมียูเรเนียมไปให้อูเครน ฟังรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษให้สัมภาษณ์แล้วก็นึกแปลกใจว่า ทีตัวเองส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปช่วยอูเครนได้ แล้วทำไมประเทศอื่นถึงส่งอาวุธไปช่วยรัสเซียไม่ได้

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งไม่นึกว่าจะออกจากปากรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษก็คือ อังกฤษจะส่งกระสุนยูเรเนียมไปให้อูเครน มีการพิสูจน์เมื่อ ค.ศ.1999 แล้วว่า เมื่อกระสุนยูเรเนียมถูกนำไปใช้ในยูโกสลาเวีย ได้ก่อให้เกิดมะเร็งและรังสีอันตรายแพร่กระจายไปสู่สภาพแวดล้อม ถ้าส่งจริง อังกฤษนี่แหละคือผู้ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ

...

อ้าว สหรัฐฯและศาลอาญาระหว่างประเทศไม่คิดว่าอังกฤษเป็นอาชญากรสงครามดอกหรือ?

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com