ธนาคาร 'เครดิต สวิส' (Credit Suisse) จะขอกู้เงินแบงก์ชาติสวิสเซอร์แลนด์สูงถึง 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส หรือราว 1.8 ล้านล้านบาท หวังช่วยเสริมสภาพคล่อง ขณะกำลังประสบวิกฤติ จนราคาหุ้นร่วงน่ากลัว

เมื่อ 16 มี.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน 'เครดิต สวิส' (Credit Suisse) ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสวิสเซอร์แลนด์ ประกาศจะกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ 50,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือประมาณ 54,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) ท่ามกลางธนาคารเครดิต สวิส กำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก อีกทั้ง ธนาคารซาอุดี เนชั่นแนล แบงก์ (Saudi National Bank : SNB) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จากซาอุดีอาระเบียปฏิเสธที่จะเพิ่มทุนความช่วยเหลือทางการเงินแก่ เครดิต สวิส จนทำให้ราคาหุ้นของธนาคารเครดิต สวิส ร่วงถึง 30% หรือมากกว่า 1 ใน 4 เมื่อ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา

แถลงการณ์ของเครดิต สวิส ยังระบุว่า ธนาคารเครดิต สวิส กำลังดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อเสริมสภาพคล่องล่วงหน้า โดยตั้งใจจะเลือกกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งชาติสวิสสูงถึง 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส ภายใต้วงเงินสินเชื่อที่ครอบคลุม รวมถึงวงเงินสภาพคล่องระยะสั้น ซึ่งได้รับการค้ำประกันอย่างเต็มรูปแบบด้วยสินทรัพย์คุณภาพสูงนอกจากนี้ ธนาคารเครดิต สวิส ยังเปิดเผยว่าธนาคารเครดิต สวิสกำลังขอซื้อคืนหุ้นกู้ เป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ด้วย

...

การออกมาประกาศแผนกู้เงินสูงถึง 5 หมื่นล้านฟรังก์สวิส จากธนาคารแห่งชาติสวิสเซอร์แลนด์ ของธนาคารเครดิต สวิส มีขึ้น หลังจากราคาหุ้นของธนาคารเครดิต สวิส ดิ่งลงอย่างหนัก กว่า 1 ใน 4 จนแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะการเงินของทางธนาคาร จนทำให้ต้องสั่งระงับการซื้อขาย

ก่อนหน้านี้ ธนาคารเครดิต สวิส เปิดเผยว่า ธนาคารขาดทุน 1,400 ล้านฟรังก์สวิสในไตรมาสที่ 4/2565 ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวของธนาคารเกี่ยวกับการทำผิดกฎระเบียบและความเสี่ยงในการถูกดำเนินคดี

การประสบวิกฤติของธนาคาร เครดิต สวิต เกิดขึ้น หลังจากเกิดวิกฤติธนาคาร Silicon Valley Bank หรือ SVB (ซิลลิคอน แวลลีย์) ในสหรัฐฯ ล้ม จนถือเป็นการล้มของธนาคารใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008 จากนั้น ธนาคารซิกเนเจอร์  ในสหรัฐฯ ก็ล้มตามเป็นธนาคารที่สอง ในอีกไม่กี่วันต่อมา จนก่อให้เกิดความหวั่นวิตกว่าวิกฤติธนาคารในสหรัฐฯล้มจะเป็น 'ช็อกเวฟ' ที่ส่งผลกระทบต่อธนาคารทั่วโลก

ที่มา : Aljazeera