• ผ่านมา 3 ปีแล้วนับตั้งแต่ไวรัสโควิด-19 ระบาดทั่วโลกจนมีผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมหาศาล แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังหาต้นกำเนิดของไวรัสชนิดนี้ไม่ได้

  • หน่วยงาน FBI ของสหรัฐฯ ปลุกกระแสทฤษฎีที่ว่า โควิด-19 หลุดมาจากห้องทดลองกลับมาอีกครั้ง แม้จะมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากคัดค้าน และเชื่อว่าไวรัสชนิดนี้มาจากธรรมชาติมากกว่า

  • การหาต้นกำเนิดของโควิด-19 เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำรอยในอนาคต แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์หลายคนที่เชื่อว่า เราอาจไม่มีวันไขปริศนาเรื่องนี้ได้

ผ่านไปมากกว่า 3 ปีแล้ว หลังจากเชื้อไวรัส ซาร์ส-โควี-2 หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ โควิด-19 ถูกพบเป็นครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญและนักวิทยาศาสตร์ต่างยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เชื้อร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนไป 6.8 ล้านชีวิตทั่วโลก มีต้นกำเนิดมาจากที่ไหน

แต่เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา นายคริสโตเฟอร์ เวรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ ออกมากล่าวว่า หน่วยงานของเขาเชื่อว่า มีความเป็นไปได้สูงที่เชื้อโควิด-19 จะมาจากห้องทดลองในจีนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล

นี่ถือเป็นการยืนยันเรื่องต้นตอการระบาดต่อสาธารณะเป็นครั้งแรกของเอฟบีไอ อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้เคยถูกนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากคัดค้าน และมองว่าเป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิด ขณะที่จีนออกมาตอบโต้ทันทีว่า สหรัฐฯ พยายามปลุกปั่นทางการเมือง

การหาต้นกำเนิดของโควิด-19 เป็นสิ่งสำคัญเพื่อที่นักวิทยาศาสตร์สามารถเตรียมแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำรอยขึ้นในอนาคต แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เชื่อว่า ปริศนาเรื่องต้นกำเนิดของโควิด-19 อาจไม่สามารถไขได้ตลอดไป

...

สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (WIV)
สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (WIV)

โควิด-19 หลุดจากห้องทดลองในจีน?

ทฤษฎีที่ว่า ไวรัสโควิด-19 อาจหลุดจากห้องทดลองในจีน เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการระบาด แม้แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในตอนนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุน โดยหลายคนชี้เป้าไปที่ ‘สถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น’ (WIV) ซึ่งทำการศึกษาไวรัสโคโรนาในค้างคาวมานานหลายทศวรรษ ว่าเป็นจุดที่ไวรัสหลุดออกมา

สถาบัน WIV ถูกเพ่งเล็งเพราะมันอยู่ห่างจากตลาดสดฮั่วหนาน’ ซึ่งเป็นคลัสเตอร์การระบาดแรก เพียงขับรถแค่ 40 นาทีเท่านั้น ขณะที่ในปี 2564 สื่อหลายสำนักในสหรัฐฯ ต่างพากันรายงานว่า นักวิจัย 3 คนใน WIV เข้าโรงพยาบาลเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ไม่นานก่อนที่เชื้อ ซาร์ส-โควี-2 จะแพร่ระบาดภายในเมืองอู่ฮั่น ทำให้คนเชื่อในทฤษฎีนี้มากขึ้น

รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ไม่ตัดความเป็นไปได้ใดๆ เกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด-19 และออกคำสั่งเมื่อปี 2564 ให้หน่วยข่าวกรองเพิ่มความพยายามเป็นเท่าตัวในการสืบสวนเรื่องนี้ ขณะที่ ดร.แอนโธนี เฟาชี หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยืนยันว่ามีความเป็นไปได้ และสนับสนุนการสืบสวนอย่างละเอียด

หรือโควิด-19 มาจากธรรมชาติ?

นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากไม่ปักใจเชื่อว่า โควิด-19 หลุดมาจากห้องทดลองในจีน แต่มาจากสัตว์ในธรรมชาติมากกว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในเมืองอู่ฮั่นเมื่อช่วงต้นปี 2564 โดยใช้เวลา 12 วันและได้ข้อสรุปว่า ทฤษฎีเชื้อหลุดจากห้องแล็บ “ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่ง”

ผู้สนับสนุนทฤษฎีนี้เชื่อว่า ไวรัสโควิด-19 กำเนิดขึ้นในค้างคาวก่อนติดต่อสู่มนุษย์ ผ่านทางสัตว์พาหะหรือตัวกลางอื่นๆ ซึ่งรายงานของ WHO ระบุว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก

ด้านทางการจีนผลักดันทฤษฎีของพวกเขาเอง ระบุว่าไวรัสโคโรนาชนิดนี้อาจเข้าสู่เมืองอู่ฮั่นผ่านทางเนื้อสัตว์แช่แข็ง ที่ถูกส่งมาจากพื้นที่อื่นๆ ของจีนหรือประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขายังอ้างผลการวิจัยของทีมนักไวรัสวิทยาชั้นนำของประเทศ ซึ่งพบไวรัสโคโรนาถึง 8 สายพันธุ์ในค้างคาวที่เหมืองร้างแห่งหนึ่ง

แนวคิดที่ว่า โควิด-19 มาจากธรรมชาติได้รับการยอมรับอย่างมากในช่วงแรกของการระบาด แต่เมื่อเวลาผ่านไป นักวิทยาศาสตร์กลับยังไม่สามารถหาไวรัสในค้างคาวหรือสัตว์อื่นๆ ที่มีพันธุกรรมใกล้เคียงกับเชื้อ ซาร์ส-โควี-2 ได้ จนความน่าเชื่อถือของทฤษฎีนี้เริ่มลดน้อยลง

รายงานขององค์การอนามัยโลกก็ถูกตั้งคำถามมากมาย หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า WHO ไม่จริงจังมากพอเรื่องทฤษฎีการหลุดจากห้องทดลอง แม้แต่ ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผอ.ของ WHO ยังเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม ระบุว่า ทุกสมมติฐานยังเปิดกว้างและจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม

...

เจ้าหน้าที่ปิดตลาดสดฮั่วหนาน ในเมืองอู่ฮั่น
เจ้าหน้าที่ปิดตลาดสดฮั่วหนาน ในเมืองอู่ฮั่น

ทำไมต้องหาต้นตอโควิด-19?

นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องรู้ต้นตอของไวรัส โดยเฉพาะเชื้อที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 680 ล้านคน และเสียชีวิตถึง 6.8 ล้านศพอย่างโควิด-19 เพื่อที่พวกเขาจะได้ทำความเข้าใจในการถือกำเนิดของมัน และสามารถหาแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นอีกในอนาคต

หากทฤษฎีเรื่องโควิด-19 มาจากสัตว์ตามธรรมชาตินั้นถูกต้อง มันอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมหลายอย่างของมนุษย์ เช่นการทำฟาร์มและการทำปศุสัตว์ มีตัวอย่างเกิดขึ้นแล้วที่เดนมาร์ก ซึ่งกระแสความหวาดกลัวว่าไวรัสโคโรนาจะแพร่จากสัตว์สู่มนุษย์ ทำให้ตัวมิงก์ที่เกษตรกรเลี้ยงไว้ถูกฆ่าไปหลายล้านตัว

แต่ถ้าทฤษฎีเรื่องไวรัสหลุดจากห้องทดลอง หรือติดมากับอาหารแช่แข็งเป็นความจริง มันจะมีความหมายอย่างมีนัยสำคัญมากต่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และการค้าขายระหว่างประเทศ การที่เชื้อโรคหลุดออกจากห้องแล็บจะกระทบต่อมุมมองที่โลกมีต่อจีน ซึ่งถูกกล่าวหาอยู่แล้วว่าปกปิดข้อมูลช่วงแรกของการระบาด

...

โลกอาจไม่มีวันรู้ต้นตอของโควิด-19

แน่นอนว่ามีนักวิทยาศาสตร์หลายคนเช่นกันที่เชื่อว่า เราจะไม่มีวันรู้ต้นกำเนิดของโควิด-19 รวมถึงศาสตราจารย์ ลอว์เรนซ์ กอสติน อาจารย์วิชากฎหมายสุขภาพโลกที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ และผู้อำนวยการด้านกฎหมายสาธารณสุขของศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลก

ศ.กอสตินระบุว่า รายงานของ FBI และกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ที่เปิดเผยออกมาเมื่อสุดสัปดาห์ก่อน แทบไม่ได้ตอบข้อถกเถียงที่มีอยู่ในตอนนี้เลย และไม่ได้เปิดเผยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือหลักฐานอื่นๆ ที่สนับสนุนข้อสรุปของพวกเขาด้วย

ด้านนายไมเคิล ออสเติร์โฮล์ม ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและวิจัยโรคติดต่อของมหาวิทยาลัยมินนิโซตา กล่าวว่า การจำแนกว่าไวรัสมาจากห้องทดลองหรือไม่ เจ้าหน้าที่สืบสวนต้องมีเอกสารที่ยืนยันว่า ไวรัสนั้นๆ อยู่ในห้องทดลองจริง รวมทั้งหาหลักฐานว่าผู้ที่ทำงานในห้องทดลองนั้นติดเชื้อไวรัสดังกล่าว และพวกเขาเข้าสู่สังคมหลังทำงานในแล็บ

ส่วนการพิสูจน์เรื่องการติดต่อจากธรรมชาติ นักวิจัยต้องหาหลักฐานว่าไวรัสนั้นๆ อยู่ในสัตว์ที่ตลาดสดในเมืองอู่ฮั่นให้ได้ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่พบ

ศ.กอสตินกล่าวอีกว่า การพยายามหาต้นกำเนิดของโควิด-19 หลังเวลาผ่านไปนานกว่า 3 ปีแล้ว เป็นงานที่ท้าทายเกินไป นอกจากนั้น การที่รัฐบาลจีนปิดกั้นไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของ WHO และเจ้าหน้าที่อิสระเข้าถึงห้องปฏิบัติการของ WIV, ตลาดสดเจ้าปัญหา หรือระบบุสาธารณสุขในเมืองอู่ฮั่นเลย ทำให้การไขปริศนาเรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้






ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : cbc, bbc

...