หนังสือพิมพ์ชั้นนำของสหรัฐฯที่มีอิทธิพลต่อคนอเมริกันในช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านมามีอยู่หลายฉบับ เช่น The New York Times, The Washington Post, The Los Angles Times, The New York Daily News, Chicago Tribune, The Wall Street Journal ฯลฯ

ถ้าพูดถึงหนังสือพิมพ์ระดับชาติที่เน้นการรายงานข่าวเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศก็ต้องเป็น The Wall Street Journal ที่ก่อตั้งโดย Charles H. Dow และ Edward T. Jones เนื้อหาของหนังสือพิมพ์เน้นหนักด้านธุรกิจและการเมือง มีผู้อ่านมากกว่า 90 ประเทศ บรรณาธิการที่มีชื่อเสียงมากในอดีตของหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ก็มี William J. Grimes และ Vermont Royster

กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกาเบรียล ที.รูเบน นักเขียนดังของเดอะ วอลล์ตรีท เจอร์นัล เขียนบทความเรื่อง To Save Money, Maybe You Should Skip Breakfast. รายงานถึงราคาอาหารที่พุ่งขึ้นและกระทบต่อค่าใช้จ่ายรายเดือนของประชาชนคนอเมริกันทั้งประเทศ นักเขียนรูเบนแนะนำให้คนอเมริกันประหยัดด้วยการหยุดทานอาหารมื้อที่สำคัญที่สุดของวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมื้อเช้า เพราะราคาวัตถุประกอบอาหารเช้า มีราคาแพงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นซีเรียล ไข่ น้ำส้มแช่แข็ง และกาแฟสำเร็จรูป

ปัจจุบันราคาขนมปังและเนยในสหรัฐฯมีราคาเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-30 โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่ซึ่งเป็นอาหารเช้าที่คนอเมริกันนิยมมากที่สุด ราคาพุ่งขึ้นร้อยละ 49-70 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน บทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล เขียนถึงราคาวัตถุดิบสำคัญแต่ละประเภทที่ราคาสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากสภาพอากาศเลวร้าย การแพร่ระบาดของโรคติดต่อและสงครามรัสเซีย-อูเครน ในบทความผู้เขียนให้ความเห็นว่า “สำหรับผู้รักอาหารเช้า คงจะดี หากว่าจะดื่มกาแฟเพียงแก้วเดียว”

...

บทความนี้ถูกนำไปกระจายขยายต่อทางอินเตอร์เน็ต คนอเมริกัน จำนวนมากโจมตีบทความนี้อย่างรุนแรง ดาหน้าออกมาด่าคนเขียนว่า แทนที่จะเรียกร้องให้บริษัททั้งหลายปรับเงินเดือนให้พอต่อการดำรงชีพ กลับแนะนำให้คนที่ไม่มีอะไรจะกินอยู่แล้วอดอยากยิ่งขึ้น

แต่เดิม อูเครนส่งธัญพืชซึ่งเป็นพืชสำคัญสำหรับอาหารเช้าและอาหารมื้ออื่นไปยังสหรัฐฯและอีกหลายประเทศ หลังจากมีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับอูเครน สมาคมธุรกิจเกษตรกรรมแห่งอูเครนออกมาให้ข้อมูลว่า ผลผลิตธัญพืชของอูเครนใน ค.ศ.2022 ลดลงร้อยละ 37 อยู่ที่ 53.9 ล้านตัน หลายพื้นที่ที่เคยใช้เพาะปลูกธัญพืชปนเปื้อนฝุ่นจากระเบิด ทำให้การส่งออกธัญพืชในปีที่แล้วของอูเครนลดลงร้อยละ 24 เหลือเพียง 38.4 ล้านตัน

อูเครนเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันพืชจากเมล็ดฝ้ายและเมล็ดทานตะวัน และส่งออกเป็นประเทศสำคัญของโลก ตอนนี้การผลิตก็ลดลงร้อยละ 24 เหลือเพียง 17.5 ล้านตัน ส่งออก 7.9 ล้านตัน ค.ศ.2023 รัฐบาลอูเครนประกาศว่า จะสามารถผลิตธัญพืชได้ 49.5 ล้านตัน ซึ่งน้อยกว่าปีที่แล้ว และการส่งออกก็คงจะน้อยกว่าด้วย ราคาของธัญพืชในสหรัฐฯและตลาดโลกก็คงจะแพงขึ้น

24 กุมภาพันธ์ 2023 มีการเปิดเผยงานวิจัยร่วมกันของมหา วิทยาลัยอิลลินอยส์และมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตทเรื่อง The Russia-Ukraine War and Changes in Ukraine Corn and Wheat Supply: Impact on Global Agricultural Markets ผลการวิจัยบอกว่าความรุ่งเรืองด้านการผลิตและการส่งออกธัญพืชของอูเครนที่มีมาแต่ในอดีตกำลังจะสิ้นสุดลง นอกจากสงครามแล้ว สิ่งที่มีผลกระทบอย่างแรงก็คือเรื่องการขนส่ง ซึ่งหลายท่านคงได้ติดตามนะครับว่าผลผลิตทางการเกษตรของอูเครนประสบความยุ่งยากในการส่งออกที่ท่าเรือโอเดสซาบริเวณทะเลดำ

อูเครนเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่ามีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับทำการเกษตรมากที่สุดในโลก ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า โยนเมล็ดพันธุ์อะไรลงไปในอูเครนก็จะงอกงามทั้งหมด แม้แต่ประเทศไทยเองก็มีการนำเข้าข้าวสาลีจากอูเครน

ผลกระทบเรื่องราคาธัญพืช ไม่ใช่เฉพาะทำให้ต้นทุนอาหารเช้าของคนอเมริกันสูงขึ้นเพียงประเทศเดียวนะครับ เสียงโอดโอยโหยหวนในระดับเดียวกันดังมาจากอังกฤษและหลายประเทศในทวีปยุโรป สงครามกระทบแม้แต่อาหารเช้า.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com