"เพย์พาล" (PayPal) แพลตฟอร์มบริการชำระเงินออนไลน์รายใหญ่ของโลก ประกาศแผนลดจำนวนพนักงานลง 2,000 คน จากภาวะทางเศรษฐกิจ
เพย์พาล เผยแผนการปลดพนักงานประมาณ 2,000 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 7% ของพนักงานทั้งหมด ทำให้เพย์พาลเป็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่รายล่าสุดที่จำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่ายลง เพย์พาล ระบุว่า บริษัทจำเป็นตัดสินใจดังกล่าว เนื่องจากต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคที่ท้าทาย
การประกาศของเพย์พาลมีขึ้นหลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหลายแห่งประกาศปลดพนักงานหลายหมื่นคน เฉพาะในเดือนที่แล้วเพียงเดือนเดียว นับตั้งแต่ "อัลฟาเบท" บริษัทแม่ของกูเกิล, แอมะซอน และ ไมโครซอฟท์ ที่ได้ประกาศปลดพนักงานครั้งใหญ่ไปก่อนหน้านี้
แดน ชูลแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเพย์พาล กล่าวว่า "เราต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่โลกของเรา ลูกค้า และแนวการแข่งขันของเราเปลี่ยนแปลงไป"
นอกจากนี้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สแนป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สแนปแชต ได้เตือนว่า รายได้ในช่วง 3 เดือนจนถึงสิ้นเดือนมีนาคมอาจลดลงมากถึง 10% หลังจากการประกาศ หุ้นของสแนปลดลงเกือบ 15% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก
เมื่อต้นปีนี้ แอมะซอน ประกาศว่า มีแผนจะเลิกจ้างงานกว่า 18,000 ตำแหน่ง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และการจ้างงานที่รวดเร็วในช่วงที่เกิดโรคระบาด ส่วนอัลฟาเบทกล่าวว่า จะเลิกจ้างงาน 12,000 ตำแหน่ง ในขณะที่ไมโครซอฟท์กล่าวว่า พนักงานมากถึง 10,000 คนจะตกงาน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สปอติฟาย ยักษ์ใหญ่ด้านการสตรีมเพลงของสวีเดน กล่าวว่า จะลดพนักงานลง 6% จากทั้งหมดประมาณ 10,000 คน โดยอ้างถึงความจำเป็นในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
...
ในอีกสัญญาณหนึ่งของการชะลอตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี "แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส" หรือ เอเอ็มดี ผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันอังคารว่า รายได้สุทธิลดลง 98% ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2565 บริษัทยังกล่าวด้วยว่า คาดว่ารายรับจะลดลงมากถึง 10% ในไตรมาสปัจจุบัน อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวนับว่าดีกว่าที่นักลงทุนหลายคนคาดไว้ และหุ้นของเอเอ็มดีก็พุ่งขึ้นหลังการประกาศ
ส่วนในเอเชียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา บริษัท เอสเค ไฮนิกซ์ ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ประกาศผลขาดทุนรายไตรมาสที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ บริษัทเกาหลีใต้แห่งนี้รายงานผลขาดทุน 1.7 ล้านล้านวอน (ราว 45,390 ล้านบาท) ซึ่งแย่กว่าที่คาดไว้ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2565 เนื่องจากยอดขายลดลง 38%
บริษัทระบุสาเหตุว่า เกิดจากราคาชิปคอมพิวเตอร์ที่ลดลง และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เป็นคู่แข่งที่ประกาศจับมือกัน ขณะที่บริษัทเตือนว่า คาดว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วทั้งอุตสาหกรรมจะเลวร้ายลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ก่อนที่จะฟื้นตัวในปลายปีนี้
การประกาศครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากคู่แข่งอย่าง ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ รายงานผลกำไรรายไตรมาสที่ต่ำที่สุดในรอบ 8 ปีเมื่อวันอังคาร.