- หัวหอมแดงและขาวในฟิลิปปินส์จำหน่ายในราคาสูงถึง 700 เปโซต่อกิโลกรัม (ราว 427 บาท) ซึ่งมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำรายวันของประเทศซึ่งอยู่ที่ 570 เปโซ (ราว 348 บาท) ซึ่งนับแพงกว่าเนื้อไก่ประมาณ 3 เท่า และแพงกว่าเนื้อหมูหรือเนื้อวัว 25%-50%
- ราคาหัวหอมในฟิลิปปินส์ที่พุ่งสูงขึ้นทำให้หน่วยงานด้านการเกษตรประกาศว่าประเทศจะต้องนำเข้าประมาณ 22,000 ตันภายในเดือนมีนาคม เพื่อเพิ่มอุปทานในประเทศที่ลดน้อยลง และควบคุมต้นทุนที่สูงขึ้น
- หัวหอมเป็นอาหารหลักของอาหารท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ โดยมักรับประทานคู่กับกระเทียม ซึ่งเป็นอาหารหลักในอาหารหลายประเภท ความต้องการหัวหอมใหญ่เฉลี่ยต่อเดือนของประเทศอยู่ที่ประมาณ 17,000 เมตริกตัน
ราคาหัวหอมในฟิลิปปินส์ที่พุ่งสูงขึ้นทำให้หน่วยงานด้านการเกษตรประกาศว่าประเทศจะต้องนำเข้าประมาณ 22,000 ตันภายในเดือนมีนาคม เพื่อเพิ่มอุปทานในประเทศที่ลดน้อยลง และควบคุมต้นทุนที่สูงขึ้น
หัวหอมเป็นอาหารหลักของอาหารท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ โดยมักรับประทานคู่กับกระเทียม ซึ่งเป็นอาหารหลักในอาหารหลายประเภท ความต้องการหัวหอมใหญ่เฉลี่ยต่อเดือนของประเทศอยู่ที่ประมาณ 17,000 เมตริกตัน
แต่กลับพบว่า หัวหอมแดงและขาวในฟิลิปปินส์จำหน่ายในราคาสูงถึง 700 เปโซต่อกิโลกรัม (ราว 427 บาท) ซึ่งมากกว่าค่าแรงขั้นต่ำรายวันของประเทศซึ่งอยู่ที่ 570 เปโซ (ราว 348 บาท) ตามการติดตามราคาตลาดในพื้นที่กรุงมะนิลาของกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ ราคาดังกล่าวนับว่าแพงกว่าเนื้อไก่ประมาณ 3 เท่า และแพงกว่าเนื้อหมู หรือเนื้อวัว 25%-50% ตามการประมาณการเดียวกัน
...
อะไรทำให้ราคาเพิ่มขึ้น?
บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฟิลิปปินส์ต้องการสอบสวนสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว โดยยืนยันว่าประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรด้วยนั้น "ต้องแสดงความรับผิดชอบโดยตรง"
ส่วนหนึ่งของการขึ้นราคาเกิดจากสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งนั่นก็คือภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน อุปสรรคที่ขัดขวางห่วงโซ่อุปทาน และสภาพอากาศที่รุนแรงและผันผวนทั่วโลก สิ่งเหล่านี้กำลังกดดันราคาอาหารในทุกหนทุกแห่ง
เดนนิส มาปา นักสถิติแห่งชาติ กล่าวในการบรรยายสรุปเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า อัตราเงินเฟ้อในฟิลิปปินส์พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 14 ปี ในเดือนธันวาคม โดยหอมหัวใหญ่คิดเป็น 0.3% ของราคาผู้บริโภคที่พุ่งขึ้น 8.1%
แต่ไม่ใช่แค่อัตราเงินเฟ้อเท่านั้น
ภาคธุรกิจกล่าวโทษกระทรวงเกษตรฯ ที่ล้มเหลวในการคาดการณ์อุปทานที่แม่นยำ แม้จะมีคำเตือนเมื่อปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่เกษตรคาดการณ์ว่าอาจขาดแคลนหัวหอมและกระเทียมอย่างเร็วที่สุดในเดือนสิงหาคม เมื่อหัวหอมแดงในท้องถิ่นมีราคาเพียง 140 เปโซ (ราว 85 บาท) อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ปฏิเสธการนำเข้า โดยยืนยันว่าอุปทานที่มีอยู่จะเพียงพอ แม้ว่าเกษตรกรฟิลิปปินส์จะเตือนว่าการบริโภคจะเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุด
เจ้าหน้าที่เกษตร เชื่อว่าราคาหัวหอมที่สูงขึ้นอาจเกิดจากวิกฤติอื่นๆ ในประเทศ เช่น การควบคุมราคาภายใน และเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบร่วมต่อราคาหัวหอมที่พุ่งสูงขึ้น กระทรวงเกษตรฯ เชื่อว่ามีกลุ่มอาชญากรกักตุนหัวหอมใหญ่และกำลังเร่งสอบสวน
รัฐบาลรับมืออย่างไร?
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เรียกราคาอาหารที่สูงขึ้นว่าเป็น "สถานการณ์ฉุกเฉิน" เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานายมาร์กอสได้อนุมัติการนำเข้าหัวหอมแดงและเหลืองเพื่อกระตุ้นอุปทาน
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม กระทรวงพาณิชย์ของฟิลิปปินส์ ได้กำหนด "ราคาขายปลีกที่แนะนำ" สำหรับหัวหอม ที่ 250 เปโซ (ราว 152 บาท) ต่อกิโลกรัมสำหรับหัวหอม ตามคำสั่งของประธานาธิบดี
แม้กระทรวงพาณิชย์สามารถสั่งปรับผู้ที่ตั้งราคาสูงกว่าราคาขายปลีกที่แนะนำ แต่ก็แทบจะไม่มีการบังคับใช้ แม้เพดานราคาของหัวหอมยังคงสูงอยู่
เมื่อเดือนที่แล้วเจ้าหน้าที่ศุลกากรสกัดกั้นหัวหอมแดงที่ลักลอบนำเข้ามาจากจีน มูลค่าประมาณ 362,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยซุกซ่อนไว้ในกล่องขนมปังและขนมอบ และหัวหอมขาวที่ลักลอบนำเข้าอีกมูลค่า 309,000 ดอลลาร์ฯ ในภาชนะที่คาดว่าใช้บรรจุเสื้อผ้า
นายมาร์กอส จูเนียร์ กล่าวเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ว่า รัฐบาลกำลังมองหาวิธีทางกฎหมายในการขายสินค้าหนีภาษี เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนสินค้า อย่างไรก็ตามหัวหอมที่ลักลอบนำเข้าบางส่วนพบว่าไม่เหมาะสำหรับการบริโภคของมนุษย์ เครือข่ายสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น GMA รายงานว่า พบแบคทีเรีย เช่น อีโคไล และร่องรอยของยาฆ่าแมลงในหัวหอมบางส่วน ซึ่งจำเป็นต้องทิ้ง
เร็กซ์ เอสโตเปเรซ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า การนำเข้าหัวหอมจะเป็น "วิธีแก้ปัญหาชั่วคราว" โดยหัวหอมลอตใหม่จะมาถึงไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ ก่อนที่การเก็บเกี่ยวในประเทศจะเริ่มขึ้นระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
ฟิลิปปินส์เพิ่งบรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับจีน เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการเกษตรและการค้า ยังไม่ชัดเจนว่าการนำเข้าหัวหอมจะเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือดังกล่าวหรือไม่
...
ส่งผลกระทบในวงกว้าง
ราคาที่สูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อแผงขายอาหารริมถนนในเมืองเซบู ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ที่ประกอบด้วยเมนูผัก เนื้อสัตว์ และอาหารทะเลทอด ที่มักเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มหัวหอมและน้ำส้มสายชู
พ่อค้ารายหนึ่งบอกว่า "หัวหอมเป็นส่วนสำคัญในอาหารของเรา มันช่วยเพิ่มรสชาติและความหวาน เพื่อตัดกับความเค็มของอาหารของเรา" และกล่าวเสริมว่า "เรารู้สึกขอบคุณที่รัฐบาลกำลังใช้มาตรการเพื่อหยุดการเพิ่มขึ้นของราคา เราหวังว่าพวกเขาจะยังคงใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อลดราคาต่อไป" เขากล่าวเสริม
หัวหอมเป็นที่ต้องการอย่างมาก มีกระทั่งคู่สมรสคู่หนึ่งเลือกที่จะถือช่อหัวหอมแทนช่อดอกไม้ในงานแต่งงานของเธอในเมืองอิโลอิโล ฝ่ายหญิงบอกว่า “ฉันถามเจ้าบ่าวว่าใช้หัวหอมแทนดอกไม้ได้ไหม เพราะหลังจากงานแต่งงาน ดอกไม้จะร่วงโรยและจบลงด้วยการถูกโยนทิ้ง แต่หัวหอม มันสามารถใช้งานได้จริงในแบบที่ยังใช้หลังงานแต่งงานได้”
ขณะที่ชาวฟิลิปปินส์ส่วนหนึ่งประสบปัญหาในการลักลอบนำเข้าหัวหอมเข้าประเทศ
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ลูกเรือ 10 คนจากสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ถูกสอบสวนในข้อหาพยายามลักลอบนำหัวหอมและผลไม้เกือบ 40 กิโลกรัมใส่กระเป๋าสัมภาระ
เจ้าหน้าที่ศุลกากรกล่าวในภายหลังว่า พวกเขาจะไม่ถูกตั้งข้อหา แต่เตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้พกพาผลิตผลทางการเกษตรโดยไม่ได้รับอนุญาต
...
วิกฤติที่ขยายวงกว้าง
วิกฤตการณ์ดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อ นายมาร์กอส ซึ่งเคยสัญญาว่าจะเพิ่มการผลิตอาหารในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ส.ส.บางคนเรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว
เกรซ โพ วุฒิสมาชิกฟิลิปปินส์ กล่าวในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับราคาอาหารที่สูงขึ้นของประเทศ ว่า "เมื่อก่อนเป็นน้ำตาล ตอนนี้เป็นหัวหอม เราจะลงเอยด้วยการแก้ไขราคาสินค้าในครัวที่แพงขึ้นทุกอย่าง"
มารี-แอนน์ เลโซเรน จากที่บริษัทปรึกษา Kantar Worldpanel กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ
"กำลังซื้อมีจำกัดสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ซื้อได้เฉพาะสิ่งจำเป็นอยู่แล้ว หากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น มันจะสร้างผลกระทบเสียหายอย่างมากต่อผู้บริโภคส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์"
แต่นายมาปาเชื่อว่าราคาหัวหอมจะทรงตัวได้เมื่อรัฐบาลนำเข้าพืชผลมากขึ้น
"ช่วงเวลานี้อาจโชคไม่ดี เนื่องจากตรงกับฤดูเก็บเกี่ยวในเดือนกุมภาพันธ์สำหรับหัวหอมที่ผลิตในท้องถิ่น แต่ราคาอาจลดลงอย่างมากเมื่อทั้งการเก็บเกี่ยวและการนำเข้าเข้าสู่ตลาดเกือบพร้อมกัน."