มณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จะอนุญาตให้คู่รักที่ยังไม่แต่งงานสามารถสร้างครอบครัวและมีบุตรได้อย่างถูกกฎหมาย โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลเช่นเดียวกับผู้ที่แต่งงานแล้ว เพื่อกระตุ้นอัตราเด็กเกิดใหม่ที่หดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลกำหนดให้เฉพาะผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้มีลูกได้ แต่ด้วยอัตราการแต่งงานและการเกิดที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หน่วยงานระดับมณฑลจึงปรับปรุงกฎใหม่ในปี 2562 เพื่อให้ครอบคลุมคนโสดที่ต้องการมีบุตร

คณะกรรมการด้านสุขภาพของมณฑลเสฉวน ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของจีน ระบุในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. คู่แต่งงานและบุคคลใดก็ตามที่ต้องการมีบุตรจะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนกับรัฐบาล โดยไม่มีการกำหนดจำนวนบุตรที่พวกเขาสามารถจดทะเบียนได้ จากเดิมที่คณะกรรมาธิการจะอนุญาตให้เฉพาะคู่แต่งงานที่ต้องการมีลูกไม่เกิน 2 คนเท่านั้น ที่จดทะเบียนกับหน่วยงานท้องถิ่นได้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาประชากรอย่างสมดุลในระยะยาว 

นอกจากนี้ ทางการท้องถิ่นมณฑลเสฉวนจะอนุญาตให้ผู้ที่ยังไม่แต่งงานได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากรัฐบาลเช่นเดียวกับผู้ที่แต่งงานแล้ว เช่น การเบิกค่ารักษาพยาบาลสำหรับหญิงตั้งครรภ์ และการได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ลาคลอด

การประกาศครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่จีนมีประชากรในปี 2565 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องออกนโยบายและมาตรการใหม่เพื่อจูงใจให้ประชาชนมีลูกมากขึ้น 

จีนมีอัตราแต่งงานและอัตราเด็กเกิดใหม่ลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ทางการท้องถิ่นของจีนเริ่มปรับข้อกำหนดต่างๆ ในปี 2562 ให้ผู้ที่ยังไม่แต่งงานแต่ต้องการมีบุตรได้รับสิทธิประโยชน์เช่นเดียวกับผู้ที่แต่งงานแล้ว

...

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ความสำคัญกับการเพิ่มอัตราการเกิด รัฐบาลได้เสนอการลดหย่อนภาษีและการดูแลสุขภาพของมารดาที่ดีขึ้น เพื่อกระตุ้นหรือชะลออัตราการเกิดที่ลดลง

มาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่จีนยังคงมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโควิดเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ หลังจากยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์เมื่อเดือนธันวาคม

ส่วนประเทศเพื่อนบ้านที่รวมถึงญี่ปุ่นก็เผชิญกับอัตราการเกิดที่ลดลงเช่นกัน โดยฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นแถลงเตือนอย่างเร่งด่วนถึงปัญหาวิกฤติจำนวนประชากรทั้งประเทศลดถึงจุดอันตราย โดยระบุว่า สังคมญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ปากเหวของการจะไม่สามารถคงกิจกรรมทางสังคมต่อไปได้ เพราะอัตราการเกิดที่ต่ำเป็นประวัติการณ์.