การประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ อย่างกะทันหันของ นางจาซินดา อาร์เดิร์น ไม่เพียงสร้างความตกตะลึงให้กับชาวนิวซีแลนด์เท่านั้น แต่ยังสร้างความตกตะลึงและชื่นชมไปทั่วโลกถึง “สปิริตอันสูงส่ง” ของ นางจาซินดา อาร์เดิร์น ที่ไม่ยึดติดกับอำนาจ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเริ่ม “หมดไฟ” ก็ตัดสินใจลาออก ไม่เอาตัวเองไปเป็นตัวถ่วงประเทศ เธอยืนยันว่า การสละตำแหน่งนายกฯครั้งนี้ไม่ใช่เพราะ “งานยากเกินไป” แต่เธอเชื่อว่า “มีบุคคลอื่นที่สามารถทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ได้ดีกว่าเธอ”

ช่างแตกต่างกับ นายกรัฐมนตรีไทย ราวฟ้ากับดิน เป็นนายกฯมา 8 ปีกว่า ยังอยากเป็นนายกฯอีกครึ่งสมัย 2 ปี โดยไม่สนใจว่าจะทำให้การบริหารประเทศต้องสะดุดในช่วงเปลี่ยนผ่าน

นางจาซินดา อาร์เดิร์น เป็นหัวหน้าพรรคแรงงาน ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ด้วยวัยเพียง 37 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก และเรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ นางอาร์เดิร์นได้รับเลือกเป็นนายกฯสมัยที่สองในปี 2563 ช่วงโควิดระบาดต้องล็อกดาวน์ปิดประเทศไปจนถึงการบังคับให้พลเมืองฉีดวัคซีน ทำให้เธอถูกวิจารณ์อย่างหนัก คะแนนนิยมลด แต่ผลโพลทุกสำนักก็ยังบ่งชี้ว่า ชาวนิวซีแลนด์ส่วนใหญ่ยังสนับสนุนเธอเป็นนายกฯ

ผมเห็นว่าคำแถลงสละตำแหน่งนายกฯของ นางจาซินดา อาร์เดิร์น ถือเป็น “สปิริตผู้นำประเทศ” ที่ผู้นำประเทศทั่วโลกควรยึดเป็นแบบอย่าง ถ้ารักชาติบ้านเมืองจริง ไม่ใช่รักแต่ปาก

นางอาร์เดิร์น ปัจจุบันอายุ 42 ปี เป็นนายกฯที่มีอายุน้อยมากเมื่อเทียบกับนายกฯประเทศอื่น รวมทั้งไทย แถลงทั้งน้ำตาว่า เธอตัดสินใจสละตำแหน่งนายกฯในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา หลังจากที่ดำรงตำแหน่งนายกฯนิวซีแลนด์มาเข้าสู่ปีที่ 6 และได้ข้อสรุปในที่สุดว่า “มันถึงเวลาแล้ว” เธอ “ไม่มีศักยภาพเพียงพออีกต่อไป” ที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล เพื่อบริหารประเทศให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ เธอยํ้าว่า เหตุผลของเธอไม่ใช่เรื่องซับซ้อน “ดิฉันก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง นักการเมืองก็เป็นคน เราทุ่มเทเท่าที่เราจะทำได้ ตราบเท่าที่เราจะทำไหว จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องไป และสำหรับดิฉันมันถึงเวลาแล้ว” เธอเชื่อมั่นว่านิวซีแลนด์มีคนที่พร้อมและเหมาะสมกว่าเธออีกมากที่จะเข้ามารับหน้าที่นี้ต่อไป

...

ผมเห็นด้วยกับเธอ มันเป็นเหตุผลที่แสนจะธรรมดา สำหรับผู้นำที่ไม่ยึดติดในอำนาจ ไม่คิดว่าตัวเองคือคนที่เก่งที่สุดในประเทศ ไม่มีฉันแล้วประเทศจะลำบากล่มจม แต่เธอกลับ คิดอย่างคนที่มีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล คิดอย่างคนมีสติปัญญา เธอเชื่อมั่นในประเทศของเธอ นิวซีแลนด์ที่เล็กกว่าประเทศไทยมากมาย ยังมีคนเก่งอีกมากที่เหมาะสมจะเป็นนายกฯได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความคาดหวังให้ชาวนิวซีแลนด์จดจำเธออย่างไร ผู้นำหญิงวัย 42 ปีของนิวซีแลนด์ตอบว่า เป็นคนคนหนึ่งที่ต้องการทำความดีกับทุกคน การเมืองเป็นเรื่องเครียดและหนักหน่วง แต่ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เธอสละตำแหน่ง หลังลงจากตำแหน่งเธอจะใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น โดยเฉพาะลูกสาววัย 4 ขวบที่จะเข้าโรงเรียนในปีนี้

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส.ส.พรรคแรงงาน ได้ลงมติรับรอง นายคริส ฮิปกินส์ รัฐมนตรีศึกษา ตำรวจ และบริการสาธารณะ วัย 44 ปี ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคแรงงานคนใหม่ โดยเสนอเพียงชื่อเดียว และจะได้ขึ้นเป็น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์คนที่ 41 โดยอัตโนมัติ แต่จะได้เป็นนายกฯนานแค่ไหนยังไม่รู้ เพราะนิวซีแลนด์จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนตุลาคมนี้ พรรคแรงงานภายใต้การนำของ นายคริส ฮิปกินส์ จะต้องชนะ จึงจะได้เป็นนายกฯต่อ

ได้เห็น สปิริตการเมืองของผู้นำหญิงคนรุ่นใหม่นิวซีแลนด์แล้ว ผมก็อยากกระตุ้นให้ คนรุ่นใหม่ไทย 20 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นของคนรุ่นใหม่ อย่าให้ตกตํ่าไปกับ นักการเมืองรุ่นเก่าที่มีชนักติดหลังทั้งหลาย เลย.

“ลม เปลี่ยนทิศ”