อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของเอเชีย ประธานบริษัท เอเวอร์แกรนด์ ทรัพย์สินหดหายจากช่วงพีกถึง 93% หลังเกิดวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในจีน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานในวันที่ 20 ม.ค. 2566 ทรัพย์สินสุทธิของ นายฮุย กา หยาน (Hui Ka Yan) ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ‘ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป’ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีน มีทรัพย์สินลดลงเกือบ 93% ตามข้อมูลจากดัชนีมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก ทำให้ชายผู้เคยเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของทวีปเอเชียผู้นี้ มีทรัพย์สินลดลงจาก 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงพีกที่สุดเมื่อปี 2560 เหลือเพียงราว 3 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น

เอเวอร์แกรนด์ กลายเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินมากที่สุดของจีน ที่ 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นศูนย์กลางของวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นในแดนมังกรนับตั้งแต่ปี 2564 โดยนายฮุย หรือที่รู้จักกันในชื่อ ซู เจีย หยิน ในภาษาแมนดาริน ใช้ทรัพย์สินของตัวเองในการค้ำจุนบริษัท ขายบ้านทิ้งไปหลายหลัง กับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวอีกหลายลำ

แต่การกระทำดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะดึงเอเวอร์แกรนด์ออกจากวิกฤติ สุดท้ายบริษัทก็ผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรในเดือนธันวาคม 2564 หลังจากพยายามระดมทุนมานานหลายเดือน เพื่อจ่ายเงินคืนให้แก่เจ้าหนี้, ซัพพลายเออร์ และนักลงทุน ต่อมาในปี 2565 เอเวอร์แกรนด์ก็ล้มเหลวในการทำตามแผนปรับโครงสร้างหนี้เบื้องต้น ทำให้อนาคตของบริษัทมืดมนลงไปอีก

ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์ เป็นบริษัทขนาดยักษ์ มีลูกจ้างประมาณ 200,000 คน เคยทำยอดขายได้มากกว่า 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 เป็นเจ้าของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 1,300 โครงการ ใน 280 เมืองทั่วประเทศจีน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กังวลมานานแล้วว่าเอเวอร์แกรนด์อาจล้ม ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสี่ยงเป็นวงกว้างในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน ส่งผลกระทบต่อบรรดาเจ้าของบ้าน และระบบการเงินอื่นๆ เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องนั้นมีมูลค่าทางการตลาดคิดเป็น 30% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของจีน.

...

ที่มา : cnn