รัฐบาลจีนยังคงผ่อนคลายมาตรการซีโร่โควิดหรือโควิดเป็นศูนย์อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวนักเดินทางจากต่างประเทศ และเปิดประเทศครั้งแรกในรอบ 3 ปี ต้อนรับผู้ถือครองวีซ่าทำงาน วีซ่าการศึกษา รวมถึงผู้ที่มีประสงค์เยี่ยมญาติในประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สำนักข่าวของรัฐบาลจีนไปจนถึงเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ระบุว่า นักเดินทางที่จะเดินทางเข้าประเทศจีนต้องแสดงผลการตรวจหาเชื้อแบบ PCR ในกรอบเวลา 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางไปประเทศจีน และหากมีอาการตัวร้อนหรือเป็นไข้เมื่อเดินทางถึงสนามบินจะถูกพาเข้าตรวจหาเชื้อแบบแอนติเจน หากพบว่าติดเชื้อและอาการเบาบาง สามารถขอรับการกักบริเวณตัวเองในที่พัก
แต่ถ้าติดเชื้อและมีอาการรุนแรงเจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำให้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ทางการจีนจะยกเลิกมาตรการการจำกัดจำนวนเที่ยวบินจากต่างประเทศ แต่นักเดินทางต้องสวมหน้ากากอนามัยบนเครื่องบิน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนยังไม่ชี้แจงรายละเอียดว่าจะเปิดรับวีซ่าเพื่อการท่องเที่ยวเมื่อใด แต่สื่อบีบีซีอังกฤษรายงานอ้างเจ้าหน้าที่จีนว่า จะเริ่มจากโครงการนำร่องต้อนรับนักท่องเที่ยวเรือสำราญ
การผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิดของทางการจีนดำเนินไปอย่างรวดเร็วตลอดช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลลดความเข้มงวดนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ท่ามกลางรายงานโรงพยาบาลต่างๆมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 5-6 เท่า ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ขณะที่ยอดเสียชีวิตจากโควิด-19 ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา อยู่ที่ 1 คน แต่เป็นตัวเลขจากการที่ทางการจีนเปลี่ยนวิธีการนับยอดเหยื่อ โดยนับเฉพาะผู้ที่เสียชีวิตจากอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเท่านั้น ไม่นับผู้ที่ติดเชื้อและเสียชีวิตด้วยอาการอื่น
...
วันเดียวกัน นายคิชิดะ ฟุมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศมาตรการตรวจหาเชื้อนักเดินทางชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่ทุกคน หากมีประสงค์จะเข้าประเทศญี่ปุ่น เนื่องด้วยความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดในจีน ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีผู้ติดเชื้อหลักแสนหรือหลักล้านต่อวัน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในญี่ปุ่นอยู่ที่เฉลี่ย 165,181 คนต่อวัน.