สถานการณ์ลุกฮือของประชาชนชาวจีนในหลายหัวเมือง ยังคงน่าจับตา แม้รัฐบาลปักกิ่ง จะใช้ทุกวิถีทาง และทุกช่องทาง เพื่อบล็อกไม่ให้ประชาชนออกมาชุมนุม หรือแสดงออก ถึงความไม่พอใจกับมาตรการกฎหมายควบคุมโควิด

ทั้งการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าถึงตัวผู้แสดงออกหรือแสดงผ่านโลกโซเชียล

โดยเฉพาะระบบ วีแชต (WeChat) ที่ทางการจีนสามารถควบคุมได้เบ็ดเสร็จ

มีแบ่งระดับโทษานุโทษของผู้แสดงออก ตามความหนักเบาของเนื้อหาในการต่อต้านรัฐบาล หรือตัวผู้นำสูงสุด “สี จิ้นผิง”

เบาหน่อย ก็บล็อกวีแชต 4 วัน

หนักขึ้นมานิด อาจเป็นสัปดาห์ หรือเป็นเดือน

หนักสุดก็หลายเดือน อาจเป็นปี หรือลบบัญชีผู้ใช้ไปเลย

หลายคนอาจไม่รู้ แต่ถือเป็นโทษที่ค่อนข้างรุนแรงสำหรับคนจีน เพราะทุกวันนี้ ทุกธุรกรรมต้องกระทำผ่านวีแชต แค่โดนบล็อกไม่กี่วันก็แย่แล้ว

เพราะที่จีนไม่ใช่จะเปิดหรือย้ายบัญชีได้เสรีเหมือนบ้านเรา

รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนถึงคุมกระแสโซเชียล และข่าวได้เบ็ดเสร็จ

แต่ก็เป็นธรรมชาติของม็อบ ไม่ว่าจะชาติไหนในโลก มักมีวิวัฒนาการไปตามยุคตามสมัย

เมื่อไม่สามารถระดมพลผ่านแชตอันดับ 1 ได้ ก็หันไปใช้วิถีทางอื่น

ไม่ว่าจะเป็น “เทเลแกรม” (Telegram) หรือ แอปพลิเคชันหาคู่ หลีกเลี่ยงการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักในจีนเพื่อหลบหลีกการถูกเซ็นเซอร์

กระจายยุทธศาสตร์ความเคลื่อนไหวท้าทายอำนาจรัฐ ต่อ “ประธานสี”

เหมือนเล่นเกมแมวไล่จับหนู

Telegram เป็นแอปแชตสัญชาติรัสเซีย ที่ถูกนำมาใช้ในหมู่ผู้ประท้วงต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ในจีน

...

พัฒนาขึ้นโดย Pavel Durov ผู้ก่อตั้ง VKontakte โซเชียลเน็ตเวิร์กรายใหญ่ในยุโรป

จุดเด่นของ Telegram อยู่ที่มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด ไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวได้

ฟีเจอร์เด่น คือสามารถเลือกแชตได้ 2 วิธี คือ คุยทั่วไป กับคุยแบบลับสุดยอด หรือ Secret Chat และยังสามารถสร้างกลุ่มแชตขนาดใหญ่ รองรับคนมหาศาลสูงสุดถึง 2 แสนคน หรือจะสร้างเป็นชาแนลเอาไว้ส่งข้อมูลกระจายข่าวสารให้กลุ่มคนได้

มีการนำมาใช้เคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลในหลายประเทศ ทั้ง รัสเซีย ฮ่องกง เมียนมา และในไทย

เราจึงยังคงเห็นการชุมนุมอยู่ในหลายเมืองของจีน

อย่างที่ เมืองกว่างโจว ทางตอนใต้ของจีน แม้ทางการจีนจะใช้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้าปราบปรามอย่างหนัก แต่ก็ยังเกิดเหตุผู้ประท้วงปะทะกับตำรวจกันหลายรอบ

ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปไกลขนาดไหน ที่แน่ๆ นี่คือการท้าทายอำนาจโดยตรงของ “ประธานสี”

นอกจากศึกภายใน กับความคุกรุ่นไม่พอใจของประชาชนชาวจีน

ศึกนอกที่รออยู่ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน เมื่อล่าสุด “ริชี ซูแน็ก” นายกฯอังกฤษ ประกาศกร้าวว่า ยุคทองแห่งความสัมพันธ์ UK-จีน สิ้นสุดลงแล้ว

ช่วงนี้ทั้งศึกนอก–ศึกใน รุมเร้า “ประธานสี” หนักหน่วง.

เพลิงสุริยะ