คนธรรมดาใช้เวลาแลกเงิน แต่คนฉลาดใช้เงินให้เงินทำงาน!! นักธุรกิจและมหาเศรษฐีทั่วโลกต่างรู้ซึ้งถึงสุดยอดเคล็ดวิชานี้ แม้แต่สุดยอดปรมาจารย์ด้านการลงทุนระดับโลกอย่าง “วอร์เรน บัฟเฟต์” ยังเคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณยังไม่พบวิธีหาเงินขณะหลับได้ คุณก็จะต้องทำงานไปจนวันตาย”

มีธุรกิจหลายอย่างที่ทำเงินได้ขณะเรานอนหลับ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตลาดหุ้น, ลงทุนอสังหาฯ, เป็นเจ้าของตึกแถวห้องเช่า,เปิดร้านสะดวกซื้อ, ขายสินค้าออนไลน์, สร้างธุรกิจแฟรนไชส์, บริการตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ, ธุรกิจให้เช่าทรัพย์สินต่างๆ หรือเป็นยูทูบเบอร์ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่สร้างรายได้แบบ “Passive Income” ใช้เงินต่อเงินให้มีกระแสเงินสดเข้ากระเป๋าทุกวัน แต่ปัญหายอดฮิตของคนธรรมดาส่วนใหญ่คือ จับแพะชนแกะไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เพราะทุกวันนี้ยังใช้เงินเดือนชนเดือน ส่วนคนที่มีเงินออมอยู่บ้างก็กลัวความเสี่ยง กลัวจะเป็นหนี้จนไม่กล้าขยับขยายไปลงทุนอะไรใหม่ๆ ทำให้เสียโอกาสที่จะมีอิสรภาพทางการเงิน

“การเผชิญหน้ากับความกลัวและสร้างความเชื่อมั่นที่แท้จริง” เป็นบันไดขั้นต้นในการทลายกำแพงสู่อิสรภาพทางการเงินและความมั่งคั่ง ที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก “ซูซี ออร์แมน” เขียนไว้อย่างน่าสนใจในหนังสือ “บันได 9 ขั้น สู่ความมั่นคงทางการเงิน” ว่า “อดีตของเราเป็นตัวควบคุมกุญแจสู่อนาคตทางการเงิน” เพราะเส้นทางสู่อิสรภาพทางการเงิน ไม่ได้เริ่มต้นที่ธนาคาร แต่เริ่มต้นจากความคิดในหัวของเรา ลองนึกย้อนกลับไปตอนที่รู้จักความหมายของเงินครั้งแรกๆ คุณรู้สึกอย่างไรกับเงิน เช่น กลัวเงินและเกลียดเงิน เพราะเงินมักเป็นสาเหตุให้พ่อแม่ทะเลาะกัน หรือสนุกกับเงินและรักเงิน เพราะเงินสามารถสร้างความสุขได้ง่ายๆ ทำให้มีไอศกรีมอร่อยๆ กิน หรือลองนึกภาพถ้า คุณโตมากับครอบครัว ล้มละลาย ทำเงินหายหมดในชั่วพริบตา คุณจะเชื่อได้อย่างไรว่าตัวเองมีความสามารถที่จะเก็บรักษาเงินให้ปลอดภัย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยเรื่องจะทำให้มันงอกเงย

...

“ความกลัวเป็นวัชพืชในสวนทางการเงิน” ปัญหาของความกลัวที่ยิ่งทำให้น่ากลัวก็คือ เมื่อเราเก็บซ่อนมันไว้ข้างในและไม่ยอมลงมือจัดการกำจัดมันเสียที ความกลัวนั้นจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นราวกับวัชพืชที่งอกงามในสวน วิธีควบคุมความกลัวคือ เขียนความกลัวทุกอย่างลงบนกระดาษ แล้วอ่านความกลัวนั้นให้ตัวเองฟัง (เช่น กลัวจะไม่มีเงินพอเลี้ยงดูพ่อแม่ยามแก่เฒ่า) แล้วค่อยๆเชื่อมโยงเข้ากับความทรงจำเกี่ยวกับเงินในวัยเด็ก เพื่อเผชิญหน้ากับความกลัวที่เก็บซ่อนไว้มานาน จากนั้นปลุกความเชื่อมั่นขึ้นใหม่ว่าเราสามารถควบคุมเงินได้อยู่หมัด เราจะมีเงินพอใช้ เราจะทำอะไรได้สำเร็จ เราจะแทนที่ความกลัวเก่าๆด้วยทัศนคติใหม่

เทคนิคการสร้างความเชื่อมั่นที่ได้ผลคือ ลองสร้างเป้าหมายที่เราต้องการขึ้นมาบนกระดาษก่อน เช่น ทุกเช้าก่อนไปทำงานให้เขียนซ้ำๆว่า “วันนี้ฉันเป็นคนที่มีพลังและประสบความสำเร็จ ฉันสามารถทำเงินได้อย่างน้อย 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน” ระหว่างวันให้พูดกับตัวเองในกระจก คิดถึงเป้าหมายนี้ทุกครั้งที่นึกขึ้นได้ “ซูซี ออร์แมน” ทำแบบนี้ทุกวันในช่วงเริ่มต้นทำงานเป็นนายหน้าค้าหุ้นจนกลายเป็นคาถาแห่งความโชคดีที่สามารถลบล้างความกลัวเก่าๆว่าจะมีเงินไม่พอใช้และต้องอยู่ให้ได้โดยไม่มีเงิน

“ให้ความเคารพต่อตัวคุณเองและต่อเงินของคุณ” เชื่อหรือไม่ว่าเงินเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง เงินจะเข้าหาคนที่ให้การต้อนรับและเคารพนับถือมัน ตรงกันข้ามความไม่เคารพจะผลักไสไล่เงินออกไป นี่คือสาเหตุที่ทำไมคนรวยถึงรวยเอาๆ เพราะพวกเขาตระหนักถึงคุณค่าของเงิน ถ้าคุณให้ความเคารพเงินของตัวเองและทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำกับเงิน คุณก็จะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดเงินให้เข้ามาหาตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ หลักสำคัญของการมีอิสรภาพทางการเงินคือ การที่ความคิดและจิตใจของคุณเป็นอิสระจากความกังวลเรื่องความไม่แน่นอนในชีวิต

อย่าไปเชื่อพวกเศรษฐีนักธุรกิจรุ่นเก่าที่ชอบกระตุกคนรุ่นใหม่ว่ารวยเร็วไม่มีจริง อยากรวยเร็วจะทำเศรษฐกิจพัง ต้องรวยด้วยความเพียรพยายาม ค่อยๆสร้างสิ่งที่มีค่าที่ขายได้จริงๆเท่านั้น...สงสัยจะกลัวคนธรรมดาอย่างพวกเราล่วงรู้ความลับสวรรค์เข้า?!

มิสแซฟไฟร์