นายริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร กล่าวว่า ยุคทองแห่งความสัมพันธ์กับจีนสิ้นสุดลงแล้ว และให้คำมั่นว่าจะพัฒนาจุดยืนของประเทศที่มีต่อชาติเอเชียแห่งนี้
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 29 พ.ย. 2565 นายริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรแถลงนโยบายต่างประเทศของตัวเองเป็นครั้งแรกที่งานเลี้ยง ‘Lord Mayor's Banquet’ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปีในกรุงลอนดอน โดยเขากล่าวว่า การมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับจีนเหมือนช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้น เป็นเรื่องไร้เดียงสา
นายซูแน็กบอกด้วยว่า UK ต้องแทนที่การฝันกลางวันด้วยการปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมากับคู่แข่งทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม เขาเตือนเรื่องการพูดถึงเรื่องสงครามเย็น และยอมรับว่า นัยสำคัญที่จีนมีต่อโลกเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายซูแน็ก เกิดขึ้นในขณะที่เขากำลังเผชิญแรกกดดันอย่างหนักจาก ส.ส.พรรคอนุรักษนิยม ที่เรียกร้องให้นายกฯ อังกฤษ เพิ่มความเข้มแข็งในจุดยืนของสหราชอาณาจักรที่มีต่อจีนมากขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์ในแดนมังกรที่เพิ่งเกิดการประท้วงต่อต้านนโยบายซีโร่โควิดอันเข้มงวด และมีผู้ถูกจับกุมจำนวนมาก รวมถึงนักข่าวของ บีบีซี ผู้อ้างว่าถูกตำรวจเตะและทุบตีระหว่างการจับกุม และถูกควบคุมตัวนานหลายชั่วโมงก่อนได้รับการปล่อยตัว
นายซูแน็กบอกกับบรรดาผู้นำธุรกิจกับผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศที่มาร่วมงานว่า ในการเผชิญกับการประท้วง จีนเลือกที่จะปราบปรามมากยิ่งขึ้น รวมถึงการทำร้ายนักข่าวของบีบีซี “เรายอมรับว่า จีนคือความท้าทายเชิงระบบต่อค่านิยมและผลประโยชน์ของเรา เป็นความท้าทายที่เติบโตอย่างรวดเร็วขึ้นในขณะที่พวกเขาก้าวไปสู่ความเป็นอำนาจนิยมมากกว่าเดิม”
...
นายกรัฐมนตรีอังกฤษเสริมอีกว่า สิ่งที่เรียกว่า 'ยุคทอง' แห่งความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรกับจีนนั้น สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมๆ กับแนวคิดไร้เดียงสาที่ว่า การค้าขายกับตะวันตกมากขึ้นจะนำไปสู่การปฏิรูปทางการเมืองของจีน อนึ่ง คำว่ายุคทองดังกล่าว สื่อถึงการกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่าง UK กับจีน ในยุคอดีตนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศจะเสื่อมถอยลง
อย่างไรก็ตาม นายซูแน็กเน้นย้ำว่า “เราไม่สามารถมองข้ามนัยสำคัญของจีนในกิจการต่างๆ ของโลก รวมถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก หรือปัญหาหลายอย่าง เช่นความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้” เขาเสริมอีกว่า สหราชอาณาจักรจะทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่าง สหรัฐฯ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่สูงขึ้นนี้ ทั้งด้วยวิธีทางการทูตและการเผชิญหน้า
“นี่หมายถึงการยืนหยัดต่อสู้กับคู่แข่ง ไม่ใช่ด้วยคำพูดยิ่งใหญ่ แต่ด้วยการกระทำอย่างตรงไปตรงมา” นายซูแน็กกล่าว
ทั้งนี้ นายซูแน็กกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เกือบจะได้พบปะกันเป็นครั้งแรกที่การประชุมสุดยอดผู้นำประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำโลกทั้ง 20 ประเทศ หรือกลุ่ม G20 ที่อินโดนีเซียเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่แผนการถูกยกเลิกหลังเกิดเหตุมิสไซล์ตกในดินแดนของโปแลนด์
ในแถลงการณ์ของนายซูแน็ก เขาให้คำมั่นด้วยว่าจะสนับสนุนยูเครนต่อไปและสัญญาจะรักษาหรือเพิ่มระดับความช่วยเหลือทางทหารต่อยูเครนในปีหน้า รวมถึงมอบการสนับสนุนทางอากาศใหม่ๆ เพื่อปกป้องพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ