รัฐมนตรีของประเทศอิรักยอมรับว่า การเผาก๊าซในกระบวนการผลิตน้ำมัน ส่งผลให้อัตราการป่วยมะเร็งของประชาชนในชุมชนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ เพิ่มสูงขึ้น

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นายจาสเซม อัล-ฟาลาฮี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของประเทศอิรัก ยอมรับว่า มลพิษที่เกิดจากกระบวน เผาก๊าซส่วนเกินทิ้งที่ปล่อง หรือ gas flare คือสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราการป่วยมะเร็งของชาวบ้านท้องถิ่นเพิ่มสูงขึ้น

คำพูดของนายอัล-ฟาลาฮี มีขึ้นหลังจากการสืบสวนของ บีบีซี ภาษาอาราบิก พบว่า ชุมชนที่อาศัยอยู่ติดกับแหล่งน้ำมันใกล้กับเมืองบาสรา ความเสียงป่วยเป็นลูคีเมียในระดับสูงกว่าปกติ โดยคนในชุมชนสงสัยว่า กระบวนการ gas flare ซึ่งมักจะปล่อยสารพิษก่อมะเร็งอย่าง เบนซีน (benzene) ออกมา คือต้นเหตุ

นายอัล-ฟาลาฮี ยังออกมาเปิดเผยเรื่องนี้หลังจากนายกรัฐมนตรีอิรัก ออกคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐพูดถึงผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดจากมลพิษ และสวนทางกับความเห็นก่อนๆ ที่นายอีห์ซาน อับดุล-จับบาร์ อิสมาอิล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันบอกกับ บีบีซี อาราบิก ก่อนหน้านี้ด้วยว่า มลพิษจากการผลิตน้ำมันกับอัตราการเกิดมะเร็งไม่เกี่ยวข้องกัน

ทั้งนี้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำมันในเมืองบาสราสงสัยมานานแล้วว่า อัตราการป่วยลูคีเมียที่สูงในหมู่พวกเขา มีสาเหตุจากการเผาก๊าซที่แหล่งน้ำมันเหล่านี้ เนื่องจากกระบวนการนี้ปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน และ เขม่าดำ ซึ่งมีความเป็นพิษสูงออกมา

แรกเริ่ม เจ้าหน้าที่ของ บีบีซี อาราบิก ทำการสืบสวนด้วยการวัดระดับมลพิษในชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งปรากฏว่า พวกเขาสัมผัสกับสารเคมีก่อมะเร็งในระดับสูง โดยนายอัล-ฟาลาฮี เผยด้วยว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงน้ำมันห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่ของพวกเขาตรวจวัดระดับมลพิษที่แหล่งน้ำมัน รูไมลา ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ

...

อย่างไรก็ตาม นายอัล-ฟาลาฮี เสริมว่า สถานการณ์ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว และมีการประสานงานระหว่างกระทรวงมากกว่าเดิม เพื่อปรับ หรือฟ้องร้องบริษัทใดๆ ไม่ว่าจะในประเทศหรือระหว่างประเทศ ที่สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม

บีบีซี ระบุอีกว่า ไม่มีครอบครัวใดเลยที่ให้สัมภาษณ์กับพวกเขาที่ได้รับเงินชดเชยต่อปัญหาสุขภาพที่พวกเขาต้องเผชิญ แม้จะมีความพยายามเรียกร้องไปยังบริษัทน้ำมันในพื้นที่หลายครั้งแล้วก็ตาม.